มโหราคใต้เงาปีกครุฑ
ท่านเหง่ยคังสหายสนิทของท่านกิมย้ง เคยกล่าวถึงแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ไว้ว่า แรกเริ่มเดิมที ท่านกิมย้งจักเขียนถึงบุคคลแปดคน แทน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" (天龍八部) บรรดาอมนุษย์ที่คอยปกป้องพระธรรม อันได้แก่ เทพยดา, นาค, ยักษ์, คนธรรพ์, อสูร, ครุฑ, กินนร และมโหราค แต่ภายหลังท่านประสบปัญหา เสมือนเหล่านักเขียนหลายต่อหลายท่านเคยประสบ คือโครงเรื่องเดิมที่วางไว้กำหนด แต่ยามเขียนกลับเกิดความคิดหลั่งไหลดุจอุทุกธารสร้างสรรค์ คล้ายกับลูกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่หนุนเนื่อง จวบจนสลับเปลี่ยนหมุนเวียนจนบุคคลเหล่านี้รวมตัวกัน นับเป็นโครงเรื่องที่โดดเด่นเฉพาะ ความยิ่งใหญ่กล่าวได้ว่าไม่มีมาแต่โบราณกาลจวบจนอนาคต
ครุฑ นับเป็นพญานกที่ยิ่งใหญ่ เมื่อกางปีกออกจะครอบคลุมดินฟ้าสามแสนหกหมื่นลี้ และมีฤทธิ์มาก สามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้แผ่นดินและจักรวาลได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ในหนึ่งวัน ต้องกินมังกร 1 ตัว และลูกมังกร 500 ตัวเป็นอาหาร มักกล่าวกันว่า วีรบุรุษคนสำคัญคือครุฑมาเกิด ชาวจีนเชื่อว่า ท่านงักฮุยนั่นเป็นครุฑมาเกิด ส่วนในแปดเทพอสูรมังกรฟ้าของท่านกิมย้ง ย่อมหมายถึง”เฉียวฟง” ที่นับเป็นตัวละครที่ห้าวหาญที่สุดของท่านกิมย้ง
มโหราค เป็นภาษาสันสกฤต ภาษาบาลีออกเสียงว่า มโหราคะ หมายถึงงูใหญ่ นับเป็นอมนุษย์ชั้นต่ำต้อยที่สุด บ้างมีลำตัวเป็นมนุษย์ ศีรษะเป็นงู บ้างมีลำตัวเป็นงู ศีรษะเป็นมนุษย์ มีฤทธิ์มาก แต่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวด้วยนัก “อิ๋วถังจื่อ” คือตัวแทนของ มโหราค นับเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุด และนับว่าเป็นตัวละครที่มีความรักลึกล้ำและบริสุทธิ์ที่สุด ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า
อิ๋วถังจื่อ เป็นบุตรชายของอิ๋วกี่ เมื่อเฉียวฟงบุกตึกชุมนุมผู้กล้า เหล่าหมีหมา(ผู้กล้า) กลุ้มรุมเฉียวฟง หนึ่งในนั้น คือ อิ๋วกี่ เมื่อโดนเฉียวฟงแย่งอาวุธไป ตามคำสั่งสอนของอาจารย์ อาวุธอยู่คนอยู่ อาวุธสิ้นคนมอดม้วย อิ๋วกี่ จึงฆ่าตัวตาย ภายหลังภรรยามันจึงฆ่าตัวตายตามไปด้วย ทิ้งอิ๋วถังจื่อเพียงลำพัง ภายหลัง อิ๋วถังจื่อเดินทางขึ้นเหนือ ประจวบพานพบกับเฉียวฟงอีกครา คราวนี้เฉียวฟงเป็นต้าอ๋องแห่งเมืองเหลียว ตำแหน่งสูงส่งยิ่ง เฉียงฟงเห็นคนเมืองซ้องถูกทหารชี่ตันจับมา จึงขอให้ทหารปลดปล่อยเชลยชาวซ้อง พลันเหลือบเห็นบุรุษหนุ่ม ยืนอยู่ท่ามกลางเชลย จึงเรียกตัวมาถามไถ่ อิ๋วถังจื่อสบโอกาสจึงนำปูนขาวฟาดใส่ใบหน้าเฉียวฟง หมายให้ตาบอด แต่เฉียวฟงรับไว้ได้ พานถามไถ่ได้ความว่านี่คือบุตรชายอิ๋วกี่ที่เสียชีวิตที่ตึกชุมนุมผู้กล้านั่นเอง คิดถึงถึงได้แต่เศร้าเสียใจ พลางจะมอบเงินให้เดินทาง กลับพบคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นในอกเสื้อที่อาจูเคยขโมยออกมามอบให้
จุดเริ่มต้นความความเลวร้ายในชีวิตที่แท้จริงของ อิ๋วถังจือ กลับเป็นวันนั้นเอง วันที่มันพานพบหญิงสาวที่ขับควบม้าตามหลังเฉียวฟง คล้ายเป็นเคราะห์กรรมแต่ปางก่อน หญิงสาวยิ้มพริ้มพรายประทับในหัวใจของมัน มารู้ในภายหลังว่านางคือน้องสาวภรรยาของศัตรูคู่แค้นเฉียวฟงนั่นเอง มันมีรักสลักใจไว้ในชื่อแม่นางน้อย "อาจื่อ"
อาจื่อ สั่งทหารจับตัว อิ๋วถังจือ มาทรมานสารพัด ให้สวมใส่หน้ากากเหล็ก จนใบหน้าอิ๋วถังจือแหลกเละ แต่อิ๋วถังจือยังพานคิดไปว่านางเพื่อช่วยเหลือตนจึงกระทำเช่นนี้ ภายหลังอาจื่อฝึกวิชาสลายพลัง โดยใช้กระถางดึงดูดเชื้อพิษมาช่วยในการฝึกวิชา จึงให้อิ๋วถังจือเป็นคนทดลองถูกพิษ จากสัตว์พิษที่ถูกล่อมา อิ๋วถังจื่อ ได้คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่ เซียวฟง ทำตกไว้เลยเก็บเอาไว้โดยไม่รุ้ว่าเป็นคัมภีร์อะไร เพราะว่าตัวอักษรเขียนเป็นภาษาสันสกฤต เลยอ่านไม่ออก แต่เมื่อถูกตะขาบ ที่อาจื่อนำมาฝึกยอดวิชาสลายพลังกัดเข้าที่มือ ตอนนั้นพิษกำเริบทำให้ทั้งเหงื่อ น้ำมูก น้ำตา น้ำลาย ไหลไปเลอะถูกคัมภีร์มากมาย จนบังเกิดเป็นภาพพระสงฆ์กำลังทำท่วงท่าต่างๆนาๆซึ่งก็คือท่าโยคะนั่นเองพร้อมทั้งมีลูกศรบ่งบอกเส้นทางการเดินกำลังภายในประกอบรูปภาพในแต่ละรูป
อิ๋วถังจื่อ หลังจากได้เห็นคัมภีร์นั้นปรากฏเป็นภาพขึ้นก็บังเกิดความคิดเลื่อนลอยว่ามีพระโพธิสัตว์มาช่วยชีวิตเลย ลองทำท่าทางตามแบบโยคะที่ปรากฏในคัมภีร์นั้นแล้วลองเดินกำลังภายในตามแนวทางที่ลูกศรชี้บอก จนทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย อาการพิษตะขาบจึงหายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากนั้นตลอด3เดือน อาจื่อก็นำสัตว์พิษมาทำการฝึกอยู่ตลอดและอิ๋วถังจื่อก็ใช้วิธีนี้ในการรักษาตัวเองให้หายจากอาการพิษและฝึกฝีมืออยู่ตลอดเพราะหลังจากที่ทุกครั้งที่ฝึกแล้วร่างกายจะปลอดโปร่งโล่งสบาย
หลังจากนั้นตลอด3 เดือน อาจื่อก็นำสัตว์พิษมาทำการฝึกอยู่ตลอดและอิ๋วถังจื่อก็ใช้วิธีนี้ในการรักษาตัวเองให้หายจากอาการพิษและฝึกฝีมืออยู่ตลอดเพราะหลังจากที่ทุกครั้งที่ฝึกแล้วร่างกายจะปลอดโปร่งโล่งสบาย จนวันนึง ได้ไปเจอกับ ไหมน้ำแข็ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของสุดยอดพิษเย็น ไม่ว่าไหมน้ำแข็งตัวนี้จะเลื้อยไปทางไหนที่นั่นต้องเป็นรอยใหม้เกรียมอุณภูมิจะหนาวเย็นจนเป็นน้ำแข็ง ถ้าเกิดไหมน้ำแข็งตกอยู่ในลำธาร ลำธารทั้งสายก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง พอ อิ๋วถังจื่อ จับไหมน้ำแข็งมาให้อาจื่อได้ อาจื่อก็ให้อิ๋วถังจื่อ ยื่นมือให้ไหมน้ำแข็งกัด แต่ก่อนกัด อิ๋วถังจื่อได้ทำท่าทางโยคะคือเอาหัวทิ่มลอดหว่างขาและชูขาทั้งสองข้างเตรียมพ้อมไว้ก่อนแล้ว พอไหมน้ำแข็งกัดถูกอิ๋วถังจื่อ อิ๋วถังจื่อก้เดินลมปราณตามแนวทางที่ใช้ตามปกติทุกครั้ง แต่เนื่องจากพิษเย็นของไหมน้ำแข็งร้ายกาจมากตลอดทั้งร่างของอิ๋วถังจื่อจึงกลายเป็นน้ำแข็ง ภายหลังอาจื่อให้ทหารนำศพมันมาทิ้งที่ลำธาร ภายหลังน้ำแข็งละลาย คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นโดนน้ำ จึงปรากฏการเดินลมปราณและท่าทางทั้งหมดของคัมภีร์
อิ๋วถังจื่อจึงนับว่าเป็นบุคคลแรกที่สำเร็จคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นโดยใช้พิษไอเย็นจากหนอนน้ำแข็ง ทำให้พลังลมปราณเข้มแข็งแฝงพิษไอเย็น นับเป็นอีกแนวทาง ภายหลังมันได้พานพบ ช้วนก้วนชิง หลอกล่อให้มันไปชิงตำแหน่ง ประมุขพรรคกระยาจก ช้วนก้วนชิงหลอกใช้อิ๋วถังจื่อเพื่ออำนาจ ส่วนอิ๋วถังจื่อกระทำไปเพียงเพื่อจะได้เป็นชายในดวงใจของอาจื่อเท่านั้น
ณ วัดเส้าหลิน อิ๋วถังจื่อ พาศิษย์พรรคกระยาจก เพื่อชิงตำแหน่งเจ้ายุทธภพ โดยอ้างว่า ยุทธจักรต้องการผู้นำ เพื่อต่อต้านแคว้นเหลียว ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของช้วนก้วนชิง เมื่อต่อสู้กับเฒ่าดารา เต็งชุนชิว เต็งชุนชิวพบว่าตนมิอาจต้านทานพลังภายในเปลี่ยนเส้นเอ็นพิษน้ำแข็งของอิ๋วถังจื่อได้ จึงจับตัวอาจื่อไว้ต่อรอง หาคาดไม่ ประมุขพรรคกระยาจก พรรคอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพจะยินยอมคุกเข้ากราบมันเป็นอาจารย์ทันที
ถึงตอนนี้ ตวนอี้เองยังทอดถอนใจ “เราหลงคิดไปว่าความรักของเรายิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน หาคาดว่า ประมุขพรรคกระยาจกผู้นี้ เพียงเพื่อสตรีนางนึง ถึงกลับยินยอมทิ้งชื่อเสียง เกียรติภูมิ คุกเข่าเพื่อปกป้องสตรีของมัน คนผู้นี้สิ สมควรเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง”
หลังจากนั้นเต็งชุนชิวก็ชักนำให้มันเป็นกองหน้า ต่อสู้กับเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน อิ๋วถังจื่อ ใช้วิชาพรรคดาราเข้าต่อสู้ จนถูกชาวยุทธประนามว่าเหตุใดประมุขพรรคกระยาจกไม่ใช้ ไม้เท้าตีสุนัข ฝ่ามือพิชิตมังกร เต็งชุนชิว ประนามหยามวิชาพรรคกระยาจกว่ามิอาจสู้วิชาพรรคดาราของตนได้
“ผู้ใดว่าวิชาพรรคดาราเหนือกว่าพรรคกระยาจก” เสียงดังก้องอื้ออึงสะท้านหู ทุกผู้คนในวัดเส้าหลิน ประกาศให้รู้ว่า เฉียวฟง ที่ไร้ผู้ต่อต้านมาถึงแล้ว เพียงสามฝ่ามือพิชิตมังกร ฟาดใส่ เต็งชุนชิว จนต้องยอมถอยปล่อยอาจื่อออกมา นับเป็นอานุภาพสะท้านฟ้าเพียงใด ทั้งยังประนามด่า อิ๋วถังจื่อ เหตุใดนำพาพรรคกระยาจกตกต่ำเช่นนี้ อิ๋วถังจื่อได้แต่เหม่อมองอาจื่อที่โอบกอดเฉียวฟง ยิ่งเคียดแค้นยิ่ง เฉียวฟงเป็นประมุขพรรคกระยาจก เราก็เป็นเหมือนกัน มันมีฝีมือเลิศล้ำเราก็เช่นกัน เหตุไฉนใจอาจื่อมีแต่มันหามีเราไม่
ภายหลังมันพ่ายแพ้ถูกเฉียวฟงกระแทกจนขาหัก อิ๋วถังจื่อ ยังติดตามดูแล อาจื่อ ซีจุ๊กลับพบวิธีรักษาดวงตาให้อาจื่อ คาดว่าต้องใช้ดวงตาคนเป็นมาจึงรักษานางได้ อาจื่อให้อิ๋วถังจื่อ ควักดวงตาผู้อื่นออกมาเพื่อรักษานาง แต่ซีจุ๊ยืนกรานไม่ยินยอมให้กระทำเรื่องเช่นนั้น อิ๋วถังจื่อมิลังเล ควักดวงตาตัวเองมอบให้ซีจุ๊รักษานางทันที เมื่อพานพบว่า อิ๋วถังจื่อคือไอ้หัวเหล็ก อัปลักษณ์ อาจื่อก็มิสนใจทอดทิ้งให้มันอยู่ในวังคฤธรศักดิ์สิทธิ์
จนกระทั่งเฉียวฟงเข้ายุติสงครามระหว่างเมืองเหลียวกับเมืองซ่งด้วยการต่อรองกับเยลุกี-ฮ่องเต้ซี่ตันมิให้รุกล้ำเมืองซ้อง ด้วยการอัตวินิบาตกรรม อาจื่อโอบกอดซากศพ เฉียวฟง ร่ำไห้ อิ๋วถังจื่อปรากฏตัวขึ้น
“อาจื่อ อาจื่อ ผู้ใดทำร้ายท่าน” มันทั้งตาบอด ทั้งอัปลักษณ์เดินทางไกลแสนไกลมาถึงเมืองน่ำเกีย เพื่อตามหาอาจื่อ เมื่ออาจื่อเห็นดังนั้น จึงควักดวงตาทั้งคู่ของตนออก ขว้างปาไปที่มัน
“เจ๊ฮู้(พี่เขย ในที่นี่ หมายถึงเฉียวฟง) บอกว่าข้าพเจ้าติดค้างท่าน นับแต่นี้เราไม่ติดค้างกันอีก” พลางนำร่างไร้ลมหายใจของเฉียวฟง ร่วงหล่นลงหุบเหว ณ ด่านงังมึ้งกวน อิ๋วถังจือก็กระโดดพลีชีพบูชารักตามไป
หากเฉียวฟงห้าวหาญ ยิ่งใหญ่ประดุจ พญาครุฑ อิ๋วถังจือ ก็เปรียบเสมือน มโหราคใต้เงาปีกครุฑ เมื่อท่าน กิมย้ง เปรียบเปรย บุตรีทั้งหลายของ ต้วนเจิ้งฉุน ดั่ง กินนร กินนรทั้งหลายย่อมต่างเงยหน้ามอง พญาครุฑ ที่โบกบินสะท้านนภา ไหนเลยจะเห็นมโหราคที่เลื้อยอยู่บนพื้นใต้เงาปีกครุฑ เฉกเช่น อิ๋วถังจือ
อิ๋วถังจื่อ เป็นเสมือนตัวแทนความรักที่ซื่อบริสุทธิ์ แต่ในความซื่อบริสุทธิ์นั้น หากรักปราศจากปัญญา ความเมตตา ยิ่งถูกฉุดรั้งให้ต่ำทราม เปรียบเสมือนรักของ เทพธิดาไหมแดง ลี้มกโช้ว สุดท้ายยิ่งทุ่มเท ยิ่งเผาผลาญตนเองให้ลุกเป็นไฟ จวบจนสุดท้าย ก็ไร้ผู้ใดเหลียวมอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น