วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

ทําไมการปฏิบัติที่ก้าวหน้าอยู่ดีดีในตอนแรก ถึงหายไป หรือหยุดความก้าวหน้า "

ทําไมการปฏิบัติที่ก้าวหน้าอยู่ดีดีในตอนแรก ถึงหายไป หรือหยุดความก้าวหน้า "

.
สิ่งหนึ่งที่ดึงเราคือ ความสับสน ความลังเลสงสัยนี้ล่ะครับ จริงๆ แล้วการปฏิบัติที่ทําอยู่จะได้สลับระหว่าง สมถะกับวิปัสสนา ถ้าไม่ลังเลสงสัย ทําไปเรื่อยๆ เล่นๆ แม้ใจเราอยากได้วิปัสสนา แต่บางครั้งหลุดไปสมถะบ้างก็ไม่แปลกครับ ดีในแง่ไปเสริมให้จิตเราตั้งมั่นดีขึ้น แต่ถ้าไปลังเลปุ๊บเนี้ย มันจะไม่ได้อะไรเลย แม้แต่สมถะก็ไม่ได้ ไม่ต้องหวังวิปัสสนาหรอกครับยิ่งห่างไปใหญ่ ( สมถะกับวิปัสสนา ล้วนมีส่วนที่หนุนกันและกัน ) จุดนี้เป็นจุดที่เกิดกับผู้ปฏิบัติที่เริ่มรู้อะไรมากแล้ว แต่สิ่งที่รู้มากขึ้นแล้วยังจัดระบบไม่เข้าที่ หรือยังรู้ไม่ชัดแบบลึกๆ จริงๆ จะทําให้เกิดความลังเลสงสัยว่า เราทําคลาดเคลื่อน ทําผิดตรงไหนหรือปล่าว ทั้งที่ก่อนหน้าที่ทําบนความไม่รู้ชัด ทําผิดๆ ถูกๆ และลองทําเล่นๆ กับเกิดความก้าวหน้า เกิดสภาวะบ้างแล้ว แต่พอมารู้เยอะขึ้น พอเริ่มสงสัย เริ่มลังเลสับสน ที่นี้ความก้าวหน้าที่มีหายไปหมด พอหายก็เริ่มอยากได้สภาวะที่เคยได้แว๊ปๆ ชั่วคราวกลับมาใหม่ ก็จะยิ่งหลุดไปไกลกว่าเดิมอีก ยิ่งหายิ่งไกลห่างออกไปเรื่อยๆ

.
วิธีแก้ ก็ให้ทําเหมือนคนไม่รู้ครับ สักแต่ว่าทํา ทําเรื่อยๆ เล่นๆ ไม่ให้ค่าใดๆ " ไม่มุ่งมั่นแต่ก็ไม่ลดละ ละความลังเลสงสัยเสีย " หากเจตนาเป็นการปฏิบัติแล้ว จะทําคลาดเคลื่อนไปบ้าง เมื่อเจตนาหมดลงจากการทําเรื่อยๆ เล่นๆ ก็ยังจะได้ความก้าวหน้าที่สลับกันไปมาระหว่างสมถะกับวิปัสสนาอยู่ดี ดีกว่าลังเลแล้วไม่ได้อะไรจากการปฏิบัติเลย เหมือนทําฟรี การปฏิบัติธรรมนั้นอยู่ที่จิต จิตสําคัญสุด จิตที่บริสุทธิ์ยิ่งได้สภาวธรรมง่ายๆ จิตที่บริสุทธิ์คือ จิตที่ว่างๆ ไงครับ ที่นี้ว่างเนี่ยเกิดได้สองแบบ คือ ว่างเพราะไม่รู้อะไรเลย ว่างแบบไม่มีอะไรรู้ ไม่มีความคิดอะไร กับว่างแบบรู้เยอะ รู้ลึกแล้วว่างจริง แต่ไม่ว่าว่างแบบไหนก็ได้สภาวธรรมทั้งนั้นครับ แล้วพอเราได้สภาวะไปแล้ว ปัญญาญาณจะเกิดกับเราเอง สิ่งที่เราไม่ได้รู้อะไรมาก่อน เราจะค่อยๆ เริ่มรู้ธรรมได้เองครับ แต่ถ้าไปลังเลสงสัยมากๆ พยายามรู้มากๆ รู้เยอะๆ ก่อน มักจะกลายเป็นไปติดอยู่กับการเป็นผู้รู้ครับ ที่รู้อะไรเยอะรู้ลึกแบบความคิดคือไปอ่านไปฟังเขามา ศึกษามาเป็นสิบๆ ปี แต่ตนเองกลับไม่ได้เกิดสภาวะใดๆ กับจิตใจตนเองเลย ปัญญาญาณจึงไม่เกิด การบรรลุธรรมได้เองจึงไม่มี ยังติดอยู่กับรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนเดิม ลองสังเกตสิครับบางท่านที่รู้มากๆ รู้เยอะๆ แต่เถียงเพื่อจะเอาชนะกันแทบตาย ตัวตนโผล่มาเต็มไปหมดไม่รู้ตัว แต่ถ้ารู้ได้จากใจตนนี้ สภาวะที่ได้มันทําให้รัก โลภ โกรธ หลง เจือจางลงไปเรื่อยๆ พวกนี้จะไม่เถียงเพื่อเอาชนะกับใครหรอกครับ เขาแค่ต้องการบอกเพื่อจะช่วยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใดๆ หรือเอาชนะผู้ใดเลย เพราะตัวตนเขาลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...