วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561

“ทำบุญ สอง สลึง ทำให้แผ่นดินไหว “

“ทำบุญ สอง สลึง ทำให้แผ่นดินไหว “

ครูบาวงศ์ หรือครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
พระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งของแผ่นดินธรรม
ท่านเป็นศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย ตนบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน

“ในอดีตกาล ล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนย์อยู่ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีใจศรัทธาปรารถนาจะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ ป่าวประกาศไปทั่ว บ้านเมืองเพื่อเชิญชวนให้ชาวเมืองได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้

ข่าวทราบถึง มหาเศรษฐี สองคนผัวเมีย มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองเกิดความศรัทธาปิติยินดี ในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจที่จะร่วมถวายทาน ผ้ากฐิน ตกกลางคืนมา สองผัวเมียก็มาคิดว่า ตัวเรานี้ มีข้าวของมากมาย แต่ไม่มีอันใดเลย ที่หามาด้วย น้ำพักน้ำแรงของตน มีแต่ใช้คนอื่นหามา มัน จะ เกิด อานิสงส์แก่เรามากไหมหนอ เมื่อคิดอย่างนั้น ผู้เป็นผัวจึง ชวน เมีย ว่า พรุ่งนี้เช้า เราพากันไป เกี่ยว หญ้ามาขาย เอาเงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง เรา ไป ทำบุญ มันจักได้บุญมาก ผู้เป็นเมียจึงตอบตกลง พอรุ่งเช้า ก็พากันถือเคียวเที่ยวเกี่ยวหญ้า กลางแดดร้อน ได้ หญ้า มาสามมัด จึงเอามาสาง เอามาล้าง เเล้ว มอบให้คนใช้นำไปขายให้คนเลี้ยงม้า ได้เงินมา สามสลึง จึงมอบ ให้คนใช้ สลึงหนึ่ง ผัวเอา สลึงหนึ่ง เมียได้ สลึงหนึ่ง สองคนผัวเมีย ได้เงิน สอง สลึง แล้ว จึงพากันนำเงินนั้นมาชำระล้าง ด้วยน้ำอบน้ำหอม ตั้งจิตอธิษฐานยกเงินขึ้นเหนือหัว แล้วตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยความปิติยินดี แล้วคิดว่า นี่เเหละ! คือเงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เราจะได้บุญมาก!

จากนั้น สอง คน ผัวเมีย มหาเศรษฐี จึงเดินทางไปที่บ้านของพระยาเจ้าเมือง พอไปถึงก็เดินเข้าไปในบ้าน ไปหยุดตรงที่เขาตั้งขัน รับบริจาคทานบุญกฐินไว้ เขาจึงพากัน หย่อนเงินลง “แก๊ก แก๊ก ” แล้วก็เดิน ออกไป พอ พระยาเจ้าเมืองเห็นจึงเดินมาดูในขัน เห็น เงิน อยู่สองสลึง จึงเกิดโทสะโกรธขึ้น เป็นฟืนเป็นไฟ “ว่า ไอ้อี สองคนนี้ มัน เป็น ถึง มหาเศรษฐี มีข้าวของ ๘๘ โกฏิ มาตระหนี่ ดูถูกดูแคลนกู กูตั้งกองบุญกฐิน เอา เงิน มา ร่วม นิดเดียว จึง หยิบ เงิน คว้างทิ้งลงพื้น กระเด็นไปตกข้างกำแพง

พอถึงเวลา พระยาเจ้าเมือง และบริวารชาวบ้านชาวเมืองจึงพากัน แห่ผ้ากฐินเข้าไปสู่อาราม เพื่อ จะ ถวาย พระพุทธเจ้า ครานั้นแผ่นดินไหวสนั่นไปทั่ว บังเกิดต้น กัลปพฤกษ์ งอกขึ้น ตรง ที่ เงิน สอง สลึง ตก อยู่ พระยาเจ้าเมืองดีใจ ว่า กูนี้ เป็นผู้มีบุญมาก ทำบุญกฐินแผ่นดินพอไหว ต้นไม้ กัลปพฤกษ์พองอก จึงวิ่งเข้าไปหมายจักหยิบเงินทองข้าวของที่ห้อยอยู่บนกิ่งกัลปพฤกษ์ แต่เข้าไปไม่ถึงเกิดร้อนขึ้น นัยตาแทบแตกใครก็เข้าไม่ถึงมีแต่สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี เท่านั้นที่เข้าไปได้ และนำต้นกัลปพฤกษ์ มาวางบนฝ่ามือได้พอดี

เมื่อนั้น องค์พระพุทธเจ้า จึงได้ตรัสว่า “เหตุที่แผ่นดินไหว และ ต้นกัลปพฤกษ์ งอกขึ้นนั้น มิใช่ เพราะนาบุญ ของท่านพระยาเจ้าเมือง เป็นเพราะ อานิสงส์ของสองคนผัวเมียมหาเศรษฐี นั่นแหละ”

..คนเราอย่าได้นับประมาท ลาสา ดูถูกดูแคลน คนที่เขาทำบุญน้อยนิด เพราะเขาอาจจะแลกด้วยชีวิตถึงจะได้ เงินนั้นมาทำบุญ เขาอาจจะได้อานิสงส์มากว่าเรา ที่มีเงินแสนเงินล้าน อีกก็ได้..

“บุญมิได้วัด กันที่ ค่า ของ ทรัพย์สินเงินทอง แต่ มัน อยู่ ที่กำลังใจ นั่นแหละ”

..บางทีชาวไร่ ชาวบ้านที่ยากจน นำเงินน้อยนิดที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนมา ทำบุญ อาจจะได้ อานิสงส์ มากกว่าคนรวยๆ ที่ได้เงินมาง่ายๆ เสียอีกเน้อ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...