เรื่อง "เปรตเฝ้าหวงกระดูกลูกเมีย ๕๐๐ ปี"
เพราะ "ความรักความห่วงหาอาลัย" เป็นเหตุพาให้ไปเกิดเป็นผีเป็นเปรต เฝ้าสิ่งที่รักอาลัยและหวงแหน จนลืมวันลืมคืน กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นผีเป็นเปรตเฝ้ากระดูกลูกเมีย ก็ต้องสิ้นเวลายาวนานถึง ๕๐๐ ปี
(ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
(บันทึกโดย หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ)
(จากหนังสือ รำลึกวันวาน)
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๐ ขณะที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นที่วัดป่าบ้านหนองผือ วันหนึ่งนายฟอง ชินบุตร โยมผู้นี้มาวัดประจำ เธอได้แบกไหกระเทียมชนิดปากบาน มีฝาครอบ ขนาดใหญ่เกือบเท่าขวดโหล ข้างในบรรจุกระดูกนำมาถวายท่านพระอาจารย์
โยมฟองเล่าว่า เจ้าของไหเขาให้นำมาถวาย เป็นไหใส่กระดูกคน ดูเหมือนจะเป็นกระดูกเด็ก แต่กระดูกนั้นนำไปฝังดินแล้ว ปากไหบิ่นเพราะถูกผานไถขูดเอา โยมฟองได้เล่าถึงเหตุที่ได้ไหนี้มาว่า
นายกู่ พิมพบุตร ผู้เป็นเจ้าของนา ตั้งใจจะไปไถนาตอนเช้าตรู่ ตื่นขึ้นมาเห็นยังมืดอยู่ จึงนอนต่อ พอเคลิ้มหลับไปก็ฝันเห็นว่า มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา บอกว่า
"ให้ไปเอาไหกระดูก ๒ ใบ ไปถวายท่านพระอาจารย์มั่นให้ด้วย"
นายกู่ถามว่า "ไหอยู่ที่ไหน"
ชายคนนั้นตอบว่า "ไถนาไปสัก ๓ รอบก็จะเห็น"
ถามว่า "ชื่ออะไร"
ตอบว่า "ชื่อตาเชียงจวง มาเฝ้ากระดูกลูกอยู่ที่นี่ได้ ๕๐๐ ปีแล้ว วันหนึ่งได้ยินเสียงท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์แว่วๆ มาในเวลากลางคืนว่า
"เป็นหมามานั่งเฝ้าหวงกระดูก แล้วก็กัดกัน ส่วนเนื้อล่ำๆ อร่อยๆ มนุษย์เอาไปกินหมดแล้ว มัวแต่มานั่งเฝ้าห่วงเฝ้าหวงกระดูกตนเอง กระดูกลูกเมีย ตายแล้วไปเป็นผีเปรต ต้องมานั่งเฝ้ากระดูกถึง ๕๐๐ ปีแล้ว"
จึงได้สติระลึกได้ ทั้งๆ ที่อดๆ อยากๆ ผอมโซ ก็ยังพอใจเฝ้าหวง เฝ้าห่วงกระดูกลูกเมียอยู่ กว่าจะรู้ตัวก็เสียเวลาไป ๕๐๐ ปีแล้ว นี่แหละ เพราะความรัก ความห่วงหาอาลัย เป็นเหตุพาให้ไปเกิดเป็นผีเป็นเปรต เฝ้าสิ่งที่รักและอาลัย จนลืมวันลืมเวลา
__________________________________________
#หมายเหตุ : เวลาที่กำลังจะตายเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนภพชาติมีความสำคัญมาก ต้องมีสติ ต้องตัดความห่วงใยหวงห่วงอาลัยในสิ่งทั้งปวง อันเป็นเหตุให้ต้องอยู่เฝ้าในสิ่งที่รักที่หวงนั่น สิ้นเวลาไปนานแสนนาน เปรตตนนี้ถือว่าเขาโชคดีที่ได้พบพระอาจารย์มั่น แล้วมีเปรตอีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้โชคดีพบพระอริยเจ้า ต้องนอนจมไปกับทุกข์กี่ร้อยปีพันปี กว่าจะสิ้นวาระกรรม ความหวงอาลัยเป็นเครื่องร้อยรัดให้จิตต้องติดจมไปกับความทุกข์ ดังนั้นพ่อแม่ครูจารย์จึงสอนให้เราภาวนา เพื่อฝึกวางสัญญาอารมณ์ ละกิเลสตัณหา ซึ่งจะได้มากน้อยก็แล้วแต่กำลังความสามารถของแต่ละบุคคล บางท่านอาจคิดว่าเข้าวัดภาวนาตอนแก่ก็ได้ แต่ครูบาอาจารย์ท่านเตือนสติอุปมาว่าเป็น "การฝึกว่ายน้ำ ตอนที่แพกำลังจะแตก" หมายถึง มาฝึกภาวนาตอนที่กำลังใกล้ตาย อาจจะสายเกินไป และมันคงจะไม่ได้การ อาจเสียท่ากิเลส กลายเป็นเปรตเป็นสัตว์นรกไปอย่างหมดหนทางแก้ไขตนเองได้ ท่านจึงย้ำเตือนให้ฝึกภาวนา... ทีนี้หลายๆท่านคงมองเห็นความสำคัญแล้วว่า...ทำไมเราจึงต้องฝึกภาวนา !!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น