จิตล้วน ๆ นี้ ซึ่งเป็นที่กำเนิดของสิ่งทุกสิ่ง ย่อมส่องแสงอยู่ตลอดกาล
และส่องความสว่างจ้าแห่งความสมบูรณ์ของมัน ลงบนสิ่งทั้งปวง
แต่ชาวโลก ไม่ประสีประสา ลืมตาต่อมัน
ไปมัวเข้าใจเอาแต่ สิ่งซึ่งทำหน้าที่ดู ทำหน้าที่ฟัง ทำหน้าที่รู้สึก และ ทำหน้าที่นึกคิด ว่านั้นแหละ คือ จิต
เขาเหล่านั้น ถูกการดู การฟัง การรู้สึก และ การนึกคิดของเขาเอง ทำเขาให้ตาบอด
เขาจึงไม่รู้สึก ต่อแสงอันสว่างจ้า ของสิ่งซึ่งเป็น ต้นกำเนิดทางฝ่ายจิต
ถ้าเขาเหล่านั้น จะเพียงแต่ได้ขจัด ความคิดปรุงแต่ง เสียชั่วแว๊บเดียวเท่านั้น
สิ่งซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งปวงดังที่กล่าวนั้น จะแสดงตัวมันออกมาทันที
เหมือนพระอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมา ท่ามกลางความว่าง และส่องสว่างทั่วทั้งจักรวาล โดยปราศจากสิ่งบดบังและขอบเขต
เพราะฉะนั้น ถ้าพวกเธอ ซึ่งเป็นนักศึกษา เรื่องทาง .. ทางโน้น
มุ่งทำความก้าวหน้า โดยการดู การฟัง การรู้สึก และ การนึกคิดอยู่
เมื่อถูกหลอกโดยสัญญาต่าง ๆ ของเธอเองเสียแล้ว ทางที่เธอจะเดินตรงไป ยัง จิต โน้น ก็จะถูกตัดขาด และเธอก็จะหาทางเข้าไม่พบ
พวกเธอจงเพียงแต่มองให้เห็นชัดว่า แม้ จิตจริงแท้ นั้น จะเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวรวมอยู่กับสัญญาเหล่านี้ก็ตาม
มันก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในฐานะ "เป็นส่วนประกอบของสัญญา" เหล่านี้ แต่ก็ " ไม่ได้แยกไปต่างหากจากสัญญา" เหล่านี้ !!
เธอไม่ควรตั้งต้น " การใช้เหตุผลไปจากสัญญาเหล่านี้" หรือยอมให้ มันก่อ "ความคิดปรุงแต่ง" ขึ้นมา
แม้กระนั้น เธอก็ไม่ควรแสวงหา จิตหนึ่ง นั้น ในที่ต่างหาก ไปจากสัญญา เหล่านั้น หรือทิ้งสัญญาเหล่านั้นเสีย !!
ในการคิดค้น ธรรมนั้นของเธอ พวกเธออย่าเก็บมันไว้ และ อย่าทิ้งมันเสีย !!
หรือพวกเธอ อย่าอยู่ในมัน และ อย่าแยกไปจากมัน !!
เบื้องบนก็ตาม เบื้องล่างก็ตาม และรอบ ๆ ตัวเธอก็ตาม "ทุกสิ่งย่อมมีอยู่เองตามปรกติ"
เพราะว่า " ไม่มีที่ใหน ที่อยู่ภายนอก ขอบวงของ พุทธะ หรือ จิต นั้น " !!
...
ท่านครูบาตวนชิ แห่งหุบเขาฮวงโป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น