วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สายไฟคือรูปกระแสไฟคือนาม

#สายไฟคือรูปกระแสไฟคือนาม

การที่จิตของเราต้องรับเอาความแปรปรวน
เปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์ ของรูปเข้าไป
จิตก็พลอยแปรปรวน เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไปด้วย
เป็นสิ่งที่ไม่มีแก่นสารไปด้วย

ผู้ปฏิบัติเบื้องต้นจึงมุ่งให้แยกรูปกับนามให้ชัด
แยกกายกับใจ แยกสมมติและปรมัตถ์ ให้ชัดที่สุด

แยกรูปนามไม่ได้หมายถึงแยกออกคนละส่วน คนละกอง
เหมือนแยกสายไฟกับกระแสไฟ

สายไฟเหมือนรูป กระแสไฟเหมือนนาม
วิธีการแยก เราไปจับแยกไม่ได้
มันเป็นรูปของพลังงานกระแสไฟ

ในร่างกายของเรา
กระแสความรู้สึกเป็นรูปของพลังงาน
ถ้าไม่จับแยกคนละส่วนมันก็จะช็อตกัน
การเดินสายไฟจึงต้องตีคู่
มีฉนวนกั้นไม่ให้สายไฟคู่นั้นเข้าหากัน
ถ้าเข้าหากันมันก็จะช็อต

กายกับใจเหมือนกัน ถ้าเราแยกไม่ออกมันก็จะช็อต
ช็อตกันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
แปรปรวน แตกดับ ตลอดเวลา

ออกมาในรูปของความไม่สบายใจ
ความพอใจ ความไม่พอใจ
ความชอบใจ ความเสียใจ ความเศร้าใจ ความน้อยใจ
อันนี้หมายความว่ามันเกิดการช็อตระหว่างรูปกับนาม
แต่เราไม่รู้ เพราะเราไม่เคยฝึกวิปัสสนา

วิปัสสนาจึงต้องแยกรูปกับนามให้ชัด
แต่ไม่ได้แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง
ให้อยู่คู่กัน แต่อย่าให้มันติดกัน หรือไหลถึงกัน

.
Direk Saksith
www.buddhayanando.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...