วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

คนเราต้องมีความรักชนิดหนึ่ง คือ ‘รักการรักงาน’

“...คนเราต้องมีความรักชนิดหนึ่ง คือ ‘รักการรักงาน’
เมื่อเรารักแล้ว...ทำการทำงานก็ไม่เบื่อไม่หน่าย ไม่เซ็ง
ถ้าหากเราไม่รักแล้ว...มันเบื่อมันหน่าย มันเซ็ง

วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องวิธีการ
คนเราจะทำอะไร ไปไหน พูดอะไร...ก็จะต้องมีวิธีการ
ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นขึ้นมาเองได้ในทันที
ต้องมีวิธีการอันหนึ่ง เรียกว่า...‘การฝึก’
‘ฝึกจิตฝึกใจ’ หรือว่า ‘ฝึกตัวเอง’ ว่างั้น

วิธีการของมัน...ก่อนที่จะเกิดความรักขึ้นมานั้น
ต้องทำความรู้สึกตัว-ทำความตื่นตัว
เรารักตัวเรา...‘รู้สึกตัว-ตื่นตัวอยู่เสมอ’
ความรักอันนั้น...จะได้ไม่ลืมตัว

เมื่อไม่ลืมตัวแล้ว
ของที่มันเซ็ง ที่มันมีอยู่นั่นแหละ...จะปรากฏเกิดขึ้นมาให้เรารัก

สมมติทางโลกทีนี้
เรารักของสิ่งของสิ่งใดแล้ว...เราก็หมั่นดูหมั่นแล หมั่นตรวจ
ถ้ามันอยู่ใกล้...เราก็หมั่นจับหมั่นถูก หมั่นถูหมั่นขัด
เมื่อเราหมั่นจับหมั่นถูก หมั่นขัดหมั่นถู
ของสิ่งๆ นั้นแหละ...ก็จะสะอาดขึ้น สะอาดขึ้น
เช่นว่า บ้านเรามันฮก หรือว่ามันรก
บ้านหลวงพ่อว่า ‘มันฮก มันไม่ดี’
ถ้าหากเราหมั่นกวาดหมั่นถูแล้วล่ะก็
มันจะดีขึ้น...ใช้ได้

อันนี้ก็เหมือนกัน

การพูดเรื่องทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมหรือหลวงพ่อ...ชอบพูดเรื่องตัวเอง
เมื่อตัวเองเข้าใจอย่างไร...ก็ต้องเอาคำพูดของตัวเองนั่นแหละ
มาพูดมาเล่า...มาแสดงความจริงใจอันนั้น
ต่อหมู่ต่อเพื่อน ต่อหมู่คณะพรรคพวกทุกคน
เพราะว่า ‘ของสิ่งนี้นั้น...มันมีอยู่ทุกคน’
แต่ไม่ใช่ว่าจะมาทำกันเล่น ๆ
(ต้อง)เฮ็ดจริงเฮ็ดจัง-ทำจริงทำจัง-พูดจริงพูดจัง
ไปจนกว่าจะปรากฏ

การเคลื่อนไหวตัวเองทุกวิธี...ผมทำความรู้สึกตัว
แล้วก็รักตัวเองอยู่เสมอ...ถึงเวลาแล้วก็ต้องทำอยู่เสมอ
ไม่ปล่อยให้เวลานั้นล่วงทิ้งไป ไม่ให้เวลาหมดไปเฉย ๆ
เป็นคนสำนึกตัวเองอยู่เสมอ
ซึ่งก็ไปตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า
‘ท่านจงมีสติอยู่ทุกเมื่อเถิด’
ท่านว่า ‘ให้เจริญสติ-เจริญสมาธิ’
เจริญ...ก็แปลว่า ทำให้มากนั่นแหละ
สติ...ก็แปลว่า ความระลึกได้
สมาธิ...ก็แปลว่า ตั้งใจ
ปัญญา...ก็แปลว่า รอบรู้

สิ่งเหล่านี้นั้น...พวกเราพูดเป็นกันทั้งนั้น
แต่หากว่าพวกเราไม่เข้าใจ
เมื่อไม่เข้าใจแล้ว...เราก็เลยไม่ได้ทำตามสิ่งนั้น

ผมเอง...ทีแรกก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริง ๆ
นึกว่า ทำไปตามธรรมดาประเพณีบ้านเมืองเขาให้ทำกัน
แต่เมื่อผมมาทำอย่างนี้...มันเกิดความซาบซึ้งตรึงใจ
จนกระทั่งว่า ‘รับรองได้ว่า...พระพุทธเจ้าสอนเรื่องนี้’

ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ อย่างนี้...สิ่งนี้ไม่ปรากฏ
เพราะการที่จะปรากฏได้นั้น...จะต้องมีการเขย่าตัวเรา
ให้เรารู้-ให้เราเห็น-ให้เราเข้าใจ
ให้เราสัมผัสอยู่กับสิ่งนั้นได้ทุกระยะ-ทุกขณะ-ทุกเวลา-ทุกวินาที

ก็เหมือนกับเราถูบ้านนั่นแหละ
ถ้าถูบ่อย ๆ แล้ว...พื้นบ้านจะใสสะอาดขึ้น

ที่นี้ เราก็ทำความรู้สึกตัวเรา...เคลื่อนไหวโดยวิธีใดอยู่ก็ตาม
มันก็เลยรู้สึกตัวขึ้นจริง ๆ
รู้สึกตัวขึ้นมา...ก็(คือ) รู้รูป-รู้นาม นี่แหละ
โอ ! รูป-นาม นี้...มันเป็นอย่างนี้ เสร็จแล้วก็เกิด ‘ความรัก’
คำว่า ‘รัก’ นั้น...มัน ‘คิดถึง’
พอดีหากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นมา...มันคิดถึง (มันรู้สึกตัวทันที)
เลยว่า ‘รัก’ …”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
------------------------------------------------------------------------------------------------

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ ~ รู้สึกตัว - เป็นปกติ - อยู่กับปัจจุบัน ~ ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...