วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ผู้เดินตามมรรค

ผู้เดินตามมรรค

.
คำถาม คำตอบ กับอ.ประเสริฐ  อุทัยเฉลิม

คำถาม – การเจริญอานาปานสติที่ว่าให้รู้ลมเข้าออกสั้นหรือยาว จะต้องพิจารณาทุกขณะที่ลมเข้าและออกหรือไม่คะ บางครั้งก็ไม่รู้ว่าลมสั้นหรือยาว

คำตอบ – การที่พิจารณาว่าลมสั้นหรือยาวเพื่อไม่ให้จิตเนี่ยไหล ไม่ให้จิตไหล ขณะที่เรากำลังรู้ลมหายใจเนี่ย สักพักเนี่ย ท่านจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม มันจะค่อยๆ กลายไปเป็นลม

พระพุทธเจ้าให้เป็นผู้ศึกษาว่า เป็นผู้ศึกษาลมหายใจ เพราะฉะนั้นการศึกษาลมหายใจมันก็คล้ายๆ กับมีคนที่นั่งดูละครเวทีน่ะ ท่านจะศึกษาคนบนเวทีได้ท่านก็นั่งสังเกต แล้วต้องสังเกตด้วยใจเป็นกลางด้วย ไม่งั้นท่านก็จะว่าอันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดี อันนี้ดี อันนี้ไม่ดีอยู่เรื่อย ต้องสังเกตด้วยใจเป็นกลาง ไม่ตัดสิน เก็บข้อมูลอย่างเดียว หน้าที่คือเก็บข้อมูลอย่างเดียวว่าเขาเป็นยังไง ทำอะไร ศึกษาไปเรื่อยๆ ศึกษาแบบฝรั่งเข้าไปสังเกตธรรมชาติน่ะ เสือวิ่งไล่กวาง เขาไม่ได้ลงความเห็นว่าเสือมันดุร้าย นิสัยไม่ดี หรือเข้าไปขวางเพื่อจะได้ช่วยชีวิตกวาง เปล่า ศึกษาตามธรรมชาติของมัน ถึงจะเข้าใจว่าเสือธรรมชาติเป็นอย่างไร เข้าใจนะ แต่ถ้าเราเข้าไปศึกษาเนี่ยเรา โอ๊ย สงสารกวางจังเลย ชิ้วๆ มากินกูนี่ เหรอ ถ้าศึกษาอย่างนี้ท่านไม่มีวันรู้จักเสือแบบที่ฝรั่งเขาศึกษาหรอก เพราะฉะนั้นทำไมพระฝรั่งเวลามาศึกษาพุทธศาสนาผมเห็นท่านจบๆๆ กันไปหมดแล้ว เพราะท่านมีลักษณะการศึกษาแบบนี้ไง

แต่คนไทยเนี่ยลักษณะการศึกษาเอาจิตใจตัวเองเป็นที่ตั้งไง มันจะไปรู้จักอะไรล่ะ มันจะไปรู้จักเสืออะไร เพราะใจมันอยากให้เสือเป็นยังไงก็ทำอย่างนั้นน่ะ อยากให้กวางรอดตายก็ทำอย่างนั้นน่ะ ท่านถึงเห็นว่าเขาก็ถ่ายๆๆ จนกระทั่งมันจะโหดร้ายแค่ไหนเขาก็ถ่ายจนจบ ถ้าจะเข้าไปห้ามก็ห้ามได้ตัวนึง ที่เหลือมันก็ตามไปขย้ำตัวอื่นอยู่ดี เพราะฉะนั้นการศึกษา เข้าไปศึกษา ศึกษา

ทีนี้พอเราเข้าไปศึกษาเนี่ย  ๙๙% ของนักปฏิบัติจะเป็นอย่างนี้หมด ท่านเข้าไปสังเกต เข้าไปดู เข้าไปรู้ เข้าไปมีสติบนอะไร แป๊ปเดียว ท่านจะกลายเป็นสิ่งนั้น ธรรมชาติของจิตที่ไม่ตั้งมั่นจะไหลเข้าไปเป็นสิ่งที่ตัวเองกำลังสังเกตตลอด ทีนี้ปัญหาก็คือว่าต่อให้ผมบอกท่านว่าอย่างนี้นะท่าน ท่านก็ไม่รู้ ผมเคย ทำยังไงว้าให้คนมันรู้ว่าตัวเองจิตไหล ตอนนั้นผมไปเปิดคอร์สที่นครนายก มันมีน้ำตก น้ำตกมันไหลๆๆ ผ่านไป ผ่านโขดหิน มันมีก้อนหิน น้ำตกก็ไหล ผมพาโยคีไปให้ทุกคนนั่งเรียงแถวแล้วมองไปที่น้ำตกไหล เขาก็นั่งดูน้ำตกไหลกัน สักพักมันจะเริ่มเบลอ จะเห็นน้ำตกเนี่ยเบลอ นึกออกไหม ผมก็เลยบอกว่า เอ้า! สังเกตดีๆ หายใจเข้าลึกๆ ตั้งใจดูดีๆ อย่าให้มันเบลอ เขาก็โฟกัสใหม่ เดี๋ยวๆ สักพักก็เบลออีก ตั้งใจไว้ มันก็จะชัดขึ้นมา แล้วเดี๋ยวๆ ก็เบลออีก บอกรู้ไหมว่าคุณไม่มี ( ความตั้งมั่น ) คือมันเป็นธรรมชาติน่ะ แต่ถ้าตั้งมั่นเนี่ย มันจะเห็นน้ำตกไหลเนี่ยคือชัดตลอดเวลา มันไม่ไหลๆๆ ไปอย่างเนี้ย นั่นคือใช้รูปธรรมมาช่วยนะ เพราะทำยังไงล่ะมันเป็นนามธรรมน่ะ หลังจากนั้นต้องไปทำเองแล้ว ต้องไปทำเอง ไปสังเกตเอง ถ้าผมบอกตอนนี้ จริงๆ ก็ไม่ใช่ผมบอกตอนนี้หรอก ผมบอกมาตลอดสิบปีแล้ว แล้วผมก็ไม่รู้ว่าใครทำได้ไม่ได้แค่ไหนผมก็ไม่รู้ คือมันสังเกตอะไรเดี๋ยวมันก็ไหลไปเป็นสิ่งนั้น พอไหลเป็นสิ่งนั้นอาการที่ตามมาเนี่ยท่านก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะกลายไป (เป็น )

สมมติว่ามันสงบ นั่งสักพักมันสงบ โอ๊ย! สงบดีจริง มันจะกลายเป็นสงบ มันไม่ได้ “ เห็น ” สงบ มัน “ เป็น ” สงบ

เมื่อ “ เป็น ” สงบ ผลต่อมาก็คือเมื่อท่านออกจากสมาธินั้นแล้ว ท่านก็จะโหยหาโหยหาอีก ว่าทำยังไง โอ๊ย! วันนี้ฉันสงบจริงๆ เลย มาส่งอารมณ์ก็จะพูดแต่เรื่องสงบเนี่ยนะ มีความสุขจริงๆ อยากจะกลับไปอย่างนี้อีก ฉันอยากจะได้อย่างนี้อาจารย์ ดิฉันนะเคยเป็นอย่างนี้แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ฉันทำไม่ได้เลย เนี่ย อาการของคนเป็นสงบ ถ้าคนเห็นสงบ มันจะเห็นสงบเกิดดับ แล้วก็ไม่เข้าไปยึดถือ ของมันเอง
เกิดดับมันก็ไม่มีอะไร มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

แม้ความสงบเองก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ความไม่สงบเองก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ไม่เห็นจะมีอะไรน่ายึดถือเลย ถ้าอย่างนี้จิตมันจะตั้งมั่นแล้วก็เห็นความสงบ แต่ถ้าจิตไหลมันจะกลายเป็นสงบ สมถะเต็มรูปเลย แต่ถ้าเห็นได้อย่างเนี้ย มันยังพอจะเปิดประตูเข้าไปสู่วิปัสสนาบ้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...