เมื่อกล่าวถึง "ความว่าง"
ขอท่านทั้งหลายอย่าเข้าใจดิ่ง ไปจับเอาลัทธิที่ว่าขาดสูญ ไม่มีอะไร
ขึ้นมาว่าเป็นอันเดียวกัน !
เพราะว่าความเห็นว่าขาดสูญเช่นนั้น รวมอยู่ในมิจฉาทิฏฐิ พวกอุจเฉททิฏฐิ
มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุด ที่เราจะต้องไม่ตกดิ่งลงไปในมิจฉาทิฏฐิอันนั้น !
อีกอย่าง เมื่อคนเรานั่งอยู่เงียบๆ ทำใจของเขาให้ว่าง ๆ เขาก็จะตั้งอยู่ในภาวะแห่ง "ความว่างเพราะวางเฉย " ได้เหมือนกัน
" นิกายฉับพลัน " (ธรรมหฤทัยที่ส่งต่อด้วยวิธีพิเศษจากพระบรมศาสดาลงมา 33 องค์)
.
.
.
##..ความว่าง..ที่ไม่รู้จักเต็ม..##
บางคนไปกำหนดความว่าง..เป็นอารมภ์...ความ
ว่างนั้น..ย่อมมีขอบเขตตามที่กำหนด..นั่นมืใช่
ความว่างแท้จริง...บางคนไปทำจิตให้ว่าง..โดย
ไม่คิดอะไร..นั่นเป็นความว่างปลอม..ไปปรุง
ความว่าง..ปรุงแต่งธรรม.ขึ้นมา...และบางคน
เดินจิตพิจารณาธรรม..ตามดูรูปนาม..ดูกาย..
ดูใจ..จนจิตละเอียดมาก...สติตามไม่ทันจิต.
จึงเจอแต่ความว่าง...นั่นก็ยังเป็น..ความว่าง.
แบบสมมุติ..อยู่ดี..
ความว่างที่แท้จริง..ไม่ใช่ของกลม..ของเหลี่ยม
โต.หรือ.เล็ก..เขียว.หรือเหลือง...บนหรือล่าง
สั้นหรือยาว...ถูกหรือผิด...อันแรกหรืออัน
สุดท้าย...แต่มันเป็น..* ความว่างเด็ดขาด..*
เป็นความว่างแท้จริง..มันไม่มีขอบเขตจำกัด..
มันจึงสามารถบรรจุ..พระอาทิตย์..พระจันทร์
..ดวงดาว..ภูเขา..แม่น้ำ..ลำธาร..ป่าไม้..โลก
..นรก..สวรรค์.พรหม....แสง..สี.พลังงาน
ความว่างนี้จะแทรกซึมเข้าไปทั่วใน
สรรพสิ่งทั้งหลาย....อย่างอิสระ..ไร้ขอบเขต.
..
ความว่างนี้..มิได้เกิด..จึงมิได้ตาย..มันเกินบัญ
ญัติ..สมมุติใดๆ..จะกล่าวถึงได้..พ้นไปจากรูป
..จากนาม..มันเป็นต้นกำเนิดของความว่าง..ที่
ไร้ขอบเขต..เป็นความบริสุทธิ์..ที่เหนือความ
บริสุทธิ์ใดๆ..ไม่ตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษ.
..เป็นสิ่งสมบูรณ์ในตัวเองเด็ดขาด..ไม่เปลี่ยน
แปลง...และทุกสรรพสิ่งล้วนมาจาก..ความว่าง
ที่แท้จริงนี้..เพียงแต่เราย้อนส่องเข้ามาในจิต.
..เราจะพบความเร้นลับ...ที่ปราศจากรูปลักษณ์
ตลอดอนันตกาล...สาธุ..สาธุ..สาธุ..
.
.
คีตะทางจิตวิญญาณ
.....................
ว่างคือเต็ม
เต็มไปด้วยสิ่งๆ หนึ่ง
และสิ่งๆ นั้นไร้การเจือปน
จึงเป็นความว่างบนความมี
และเพราะมันมีอยู่
จึงมิใช่ความสูญ
เมื่อไม่สูญจึงสุขได้
เมื่อไม่สูญจึงทุกข์ได้
เมื่อไม่สูญจึงไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้
นักปฏิบัติยึดว่าไม่สุขไม่ทุกข์นี้คือความว่าง
แท้จริงมันคือเวทนา ไม่ใช่ความว่าง
ความว่างมีอยู่ของมันอย่างนั้น
มันปรากฏเมื่อมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม
มันปรากฏในปัจจุบันขณะ
มันปรากฏเมื่อจิตไม่จมในวัตถุธาตุ
มันปรากฏเมื่อจิตไม่จมในความรู้สึก
มันปรากฏเมื่อจิตไม่จมในอดีต
มันปรากฏเมื่อจิตไม่จมในอนาคต
มันปรากฏเมื่อจิตไร้การตัดสินหรือปักหมุด
มันปรากฏเมื่อจิตไม่ยึดมั่นในความมีความเป็น
มันปรากฏเมื่อจิตปล่อยวางจากทุกสรรพสิ่ง
มันปรากฏเมื่อจิตอิสระ ไร้กังวล ไร้แรงบีบคั้น ไร้ความอยาก ไร้ความปรารถนา ไร้ความคาดหวังในสรรพสิ่ง
เมื่อความว่างปรากฏจิตจะเข้าสู่หน้าที่โดยธรรมชาติ
ความมีจะปรากฏไปจนกว่าหน้าที่นั้นจะสิ้นสุดลง
ปลดปล่อยทุกอย่าง แม้แต่ภาวะที่รู้ว่าเป็นความว่าง
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น