วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ภัยที่แม่ลูกก็ช่วยกันไม่ได้

ภัยที่แม่ลูกก็ช่วยกันไม่ได้

ภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อม
กล่าวภัยที่มารดาและบุตรช่วยกันไม่ได้ (อมาตาปุตฺติกภย)
ว่ามีอยู่ ๓ อย่าง. ๓ อย่างคือ :-
มีสมัยที่ไฟไหม้ใหญ่ตั้งขึ้น ไหม้หมู่บ้าน ไหม้นิคม
ไหม้นคร. ในสมัยนั้น มารดาไม่ได้บุตร (เป็นผู้ช่วยเหลืออะไรได้),
บุตรก็ไม่ได้มารดา (เป็นผู้ช่วยเหลืออะไรได้).
ภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อม
เรียกภัยนี้ว่าเป็นอมาตาปุตติกภัย อย่างที่หนึ่ง.
ภิกษุทั้งหลาย ! ข้ออื่นยังมีอีก คือมีสมัยที่
มหาเมฆตั้งขึ้น เกิดน้ำท่วมใหญ่ พัดพาไปทั้งหมู่บ้าน ทั้งนิคม
ทั้งนคร. ในสมัยนั้น มารดาไม่ได้บุตร (เป็นผู้ช่วยเหลืออะไรได้),
บุตรก็ไม่ได้มารดา (เป็นผู้ช่วยเหลืออะไรได้).
ภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อม
เรียกภัยนี้ว่าเป็นอมาตาปุตติกภัย อย่างที่สอง.

ภิกษุทั้งหลาย ! ข้ออื่นยังมีอีก คือมีสมัยที่มีภัย
คือการกำเริบ (กบฏ) มาจากป่า ประชาชนขึ้นยานมีล้อ
หนีกระจัดกระจายไป. เมื่อภัยอย่างนี้เกิดขึ้น สมัยนั้น
มารดาไม่ได้บุตร (เป็นผู้ช่วยเหลืออะไรได้), บุตรก็ไม่ได้
มารดา (เป็นผู้ช่วยเหลืออะไรได้).
ภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อม
เรียกภัยนี้ว่าเป็นอมาตาปุตติกภัย อย่างที่สาม.
ภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อมกล่าว
ภัยที่มารดาและบุตรช่วยกันไม่ได้ ว่ามีอยู่ ๓ อย่าง เหล่านี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ กล่าว
สมาตาปุตติกภัย (ภัยที่มารดาและบุตรช่วยกันได้) แท้ๆ
๓ อย่างนี้ว่าเป็น อมาตาปุตติกภัย (ภัยที่มารดาและบุตร
ช่วยกันไม่ได้) ไปเสีย.
ภิกษุทั้งหลาย ! ภัย ๓ อย่าง ที่มารดาและบุตร
ช่วยกันได้นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
สามอย่าง คือ สมัยที่ไฟไหม้ใหญ่ เป็นอย่างหนึ่ง,
สมัยที่น้ำท่วมใหญ่ เป็นอย่างที่สอง, สมัยที่หนีโจรขบถ
เป็นอย่างที่สาม; เหล่านี้บางคราวมารดาและบุตรก็ช่วย

กันและกันได้ แต่ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับมากล่าวว่าเป็นภัย
ที่มารดาและบุตรก็ช่วยกันไม่ได้ไปเสียทั้งหมด.
ภิกษุทั้งหลาย !

ภัยที่มารดาและบุตรช่วยกันไม่ได้ (โดยแท้จริง)
๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่สามอย่าง คือ :-
ภัยเกิดจากความแก่ (ชราภยํ),
ภัยเกิดจากความเจ็บไข้ (พฺยาธิภยํ),
ภัยเกิดจากความตาย (มรณภยํ).

ภิกษุทั้งหลาย มารดาไม่ได้ตามปรารถนากับ
บุตรผู้แก่อยู่อย่างนี้ว่า เราแก่เองเถิด บุตรของเราอย่าแก่
เลย; หรือบุตรก็ไม่ได้ตามปรารถนากะมารดาผู้แก่อยู่
อย่างนี้ว่า เราแก่เองเถิด มารดาอย่าแก่เลย ดังนี้.
มารดาก็ไม่ได้ตามปรารถนาว่า เราเจ็บไข้เองเถิด
บุตรของเราอย่าเจ็บไข้เลย; หรือบุตรก็ไม่ได้ตามปรารถนา
ว่า เราเจ็บไข้เองเถิด มารดาของเราอย่าเจ็บไข้เลย ดังนี้.
มารดาก็ไม่ได้ตามปรารถนาว่า เราตายเองเถิด
บุตรของเราอย่าตายเลย; หรือบุตรก็ไม่ได้ตามปรารถนา
ว่า เราตายเองเถิด มารดาของเราอย่าตายเลย ดังนี้.

ภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แล เป็นภัยที่มารดา
และบุตรช่วยกันไม่ได้ ๓ อย่าง.
ภิกษุทั้งหลาย ! หนทางมีอยู่ปฏิปทามีอยู่ย่อม
เป็นไปเพื่อเลิกละ ก้าวล่วงเสีย ซึ่งภัยทั้งที่เป็นสมาตาปุตติกภัย
และอมาตาปุตติกภัย อย่างละสามๆ เหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย หนทางหรือปฏิปทานั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
นั่นคือ อริยอัฏฐังคิกมรรค (อริยมรรคมีองค์ ๘)
นั่นเอง ได้แก่
สัมมาทิฏฐิ (เห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะ(ดำริชอบ)
สัมมาวาจา (เจรจาชอบ) สัมมากัมมันตะ (ทำการงานชอบ)
สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ) สัมมาวายามะ (เพียรชอบ)
สัมมาสติ (ระลึกชอบ) สัมมาสมาธิ (ตั้งจิตมั่นชอบ).
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แหละหนทาง นี้แหละ
ปฏิปทา เป็นไปเพื่อเลิกละ ก้าวล่วงเสีย ซึ่งภัยทั้งที่เป็น
สมาตาปุตติกภัย และอมาตาปุตติกภัย อย่างละสามๆ
เหล่านั้น.
ติก. อํ. ๒๐/๒๒๘-๒๓๑/๕๐๒.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...