เคยมีผู้ที่ไปกราบหลวงปู่สิม แล้วถามหลวงปู่ว่า เทวดามีจริงหรือ ถ้ามีจริง หลวงปู่เรียกมาปรากฏกายให้ดูหน่อย
หลวงปู่ก็ตอบไปว่า อันเทวดานั้นมีจริงแท้แน่นอน แต่ผู้ที่จะได้พบเทวดา ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจ บริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าใครๆก็เห็นได้ ถ้าอยากเห็นจริงๆต้องมั่น ปฏิบัติกรรมฐาน ฝึกตนให้เป็นผู้ที่มี ศีล สมาธิ แล้วเมื่อนั้นจึงจะได้เห็นเอง
ส่วนหนึ่งจากที่หลวงปู่เคยแสดงธรรมไว้ แล้วมีโอกาศได้ไปรับฟังมานอกจากนี้ยังมีผู้ที่บันทึก คำสอนไว้อีกมากมาย
หลวงปู่สิมกับพระเครื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการพุทธาภิเษก
1. หลวงปู่สิมเคยพูดถึงการสร้างพระสร้างเหรียญว่า "เหมือนกับการที่คนเราตกปลา หากมีแต่เบ็ดแต่ไม่มีเหยื่อ ปลามันก็ไม่กิน จึงได้สร้างพระเสกเหรียญขึ้น เพื่อล่อให้คนมาสนใจก่อน เมื่อคนสนใจในพระในเหรียญอันเปรียบเสมือนปลามาติดเบ็ดที่มีเหยื่อแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพระที่จะสอดแทรกธรรมะเข้าไปพร้อมกับการแจกเหรียญแจกพระด้วย นับเป็นประโยชน์หลายสถาน"
2. เรื่องพระเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น หลวงปู่สิมว่าเป็นของเก่าแก่มีมาแต่โบร่ำโบราณ สำหรับป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่รูปธรรมขันธ์ 5 สำหรับอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย 108 ก็พอช่วยให้รอดพ้นอันตรายได้บ้างเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้พ้นภัยในวัฏสงสารจริงๆ ก็ต้องเป็นการภาวนานั่นแหละ
3. เคยกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า เคยได้ยินว่า การปลุกเสกนั้น เหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนามหลวง2-3 รอบ จริงหรือไม่ หลวงปู่สิมตอบว่า “ทำด้วยจิต ไม่เหนื่อยหรอก”
4. เกี่ยวกับเรื่องสายสิญจน์นั้น หลวงปู่สิมก็เคยพูดไว้เช่นกันว่า
“จิตไม่จำเป็นต้องวิ่งไปตามสายสิญจน์เสมอไปหรอก อยู่ที่กำหนดต่างหาก หาไม่แล้ว หลวงปู่อยู่เชียงใหม่ จะมาเสกพระที่กรุงเทพได้หรือ.???”(คาดว่า น่าจะเป็นพระแก้วมรกต 2525 ฉลอง 200 ปีกรุงรัตนโกสินทร์)
5. แต่ในบางกรณี หลวงปู่ก็จะกำหนดจิตตามสายสิญจน์เช่นกัน โดยมีครั้งหนึ่ง มีคนเอาพระพุทธรูปมาให้ปลุกเสก แต่พอดีท่านจะไปพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศพอดี หลวงปู่สิมก็บอกว่า เอาไปโยงสายสิญจน์ที่วัดบวรที่หลวงปู่กำลังจะไปนั่งปรกก็ได้ คนที่นำพระมาก็ถามว่า จะได้หรือ หลวงปู่ก็ตอบว่า
“สายสิญจน์ไปถึงไหน จิตก็ไปถึงนั่นนั่นแหละ”
6. หลวงปู่สิมเคยบอกว่า “พระแก้วมรกตศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ในโบสถ์วัดพระแก้วนั้นมีเทวดาอยู่เป็นหมื่น ภาวนาให้ดีๆแล้วจะเห็นเอง”
7. อีกครั้ง หลวงปู่สิมท่านเคยว่าตรงเอาไว้ว่า “พระพุทธรูปทั้งหลายที่ศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรก็ได้นั้น ไม่ใช่เป็นพระพุทธเจ้ามาประทานให้ เพราะจิตของพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปแล้ว ไม่มาวุ่นวายอะไรแบบนี้หรอก แต่เกิดจากอำนาจของเทวดาที่รักษาพระพุทธรูปนั้นๆต่างหาก”
8. “จิตที่ฝึกดีแล้ว เป็นของมีฤทธิ์มีอำนาจมาก เหมือนกับกระแสน้ำที่ตกลงมาจากน้ำตกใหญ่ๆนั่นแหละ”
9. "หลวงพ่อโสธร"นั้น บูชาให้ดีๆแล้วจะรวย เพราะเทวดาที่รักษาองค์หลวงพ่อโสธรเด่นทางลาภมาก
10. ครั้งหนึ่งที่เคยตามหลวงปู่สิมไปพิธีพุทธาภิเษกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ท่านนั่งปรกไปได้ประมาณ 3 จบ เกรงว่างหลวงปู่จะเหนื่อย เพราะอายุมากแล้ว เลยกราบเรียนถามท่านว่า หลวงปู่จะกลับแล้วหรือไม่ แต่หลวงปู่ตอบว่า
“มาแล้ว ก็นั่งให้เขาให้ครบๆจนจบนั่นแหละ”
11. เกี่ยวกับเซียนพระที่ซื้อขายพระเครื่องเป็นอาชีพ หลวงปู่สิมก็ไม่เคยตำหนิ พร้อมกับยังกล่าวอีกด้วยว่า
“อย่าไปว่าเขา เพราะคนเหล่านี้ มีจิตใจที่ผูกพันอยู่กับศาสนา จึงมาสนใจในเรื่องพระเรื่องเจ้า และคนเหล่านี้ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนาแผ่กว้างออกไป(ในส่วนแห่งรูปธรรม) นับว่ามีประโยชน์เหมือนกัน อย่าได้ไปว่าเขา ส่วนจะมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายเอากำรี้กำไรอะไรนั้น ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาโลก เป็นเรื่องของคนที่ยังมีกิเลสอยู่ แต่หากเป็นพระเป็นสงฆ์แล้ว กลับมาขายพระเสียเอง หาเป็นการที่สมควรไม่ เพราะเมื่อบวชมาเป็นพระแล้ว ก็พึงจะต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และระวังรักษาในศีลวินัยให้จงหนัก”
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น