วิญญานคือตัวรู้....
เมื่อเราไปรู้ในส่วนต่างๆ ของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตัวนี้เราเรียกว่าวิญญาณ แต่พอมาเป็นตัวรู้ สักแต่ว่าตัวรู้ จากส่วนไหนของร่างกายก็ตาม อายตนะของตัวรู้ ตัวเดียว ตัวรู้ตัวนี้มันพัฒนาให้เป็น ภูมิธรรมต่างๆได้ เช่นขณะนี้เรานั่ง เรารู้สึกตัวว่าเรา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง อบอ้าว ตรึงเคร่ง และก็เคลื่อนไหวในส่วนไหน รวมทั้งหมดเป็นตัวรู้ล้วนๆ การที่เรา รับรู้โดยไม่แยกแยะ. ไม่ไปปรุงแต่ง ไม่ได้ไปสมมุติว่าเป็นนั่นนี้ ตัวรู้จึงเป็นตัวรู้ล้วนๆ มันเป็นตัวรู้ที่สุขบ้าง ทุกข์บ้าง สบายบ้าง ไม่สบายบ้าง เราเห็นมันเฉยๆ เห็นอาการรู้เฉยๆ ไม่ได้ไม่แยกแยะไม่ไปปรุงแต่ง ไม่ได้ไปสมมุติว่าเป็นนั่นนี้ ตัวรู้ซึ่งเป็นตัวรู้ล้วนๆ ไม่ได้สำคัญมั่นหมายว่าอาการรู้นี้เป็นเรา คือเป็นเราร้อน เป็นเราชอบ เป็นเราไม่ชอบ เป็นเราสุข เป็นเราทุกข์ เป็นเราสบาย เป็นเราไม่สบาย มันยังไม่เป็นตัวนั้น แต่มันเป็นตัวรู้เฉยๆ ตรงนี้เองเป็นที่เราสนใจจะศึกษา เราจะจำกัดขอบเขตของการรู้ให้อยู่แค่สักแต่ว่าได้อย่างไร
ดังนั้น เราจะต้องฝึกฝน ถ้าเราไม่มีการฝึกฝน ไม่มีการพัฒนาตัวรู้นี้มันก็จะไม่เติบโต มันยังไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว มันยังกระจัดกระจายไปสู่อายตนะต่างๆ มันจะไม่มีพลัง เราเรียกว่าวิญญาณและตัวรู้นี้จะไปที่อายตนะต่างๆ ถ้าเราจะพัฒนาให้เป็นปรมัตถ์ มันจะเหลือตัวญาณหรือตัวรู้ หรือจิต เจตสิกเท่านั้น คือเราจะทำอย่างไรให้เหลือตัวรู้ที่ถูกต้อง ตัวให้เหลือตัวรู้ที่ถูกต้อง ตัวเข้าใจที่ถูกต้อง ตัวเห็นที่ถูกต้อง จึงจะเป็นตัวพุทธะได้ ทุกคนมีตัวรู้หรือตัวพุทธะอยู่แล้ว แต่อยากจะถามว่ารู้ถูกหรือรู้ผิด ส่วนนี้คือสิ่งที่เราต้องฝึกเพื่อที่จะแยกให้เห็นว่าเรารู้ถูกเป็นอย่างไร รู้ผิดเป็นอย่างไร แล้วรู้ถูก มีผลเป็นอย่างไร รู้ผิดมีผลเป็นอย่างไร ที่เรามาให้เหลือตัวรู้ที่ถูกต้อง ตัวเข้าใจที่ถูกต้อง ตัวเห็นที่ถูกต้อง จึงจะเป็นตัวพุทธะได้ ทุกคนมีตัวรู้หรือตัวพุทธะอยู่แล้ว แต่อยากจะถามว่ารู้ถูกหรือรู้ผิด ส่วนนี้คือสิ่งที่เราต้องฝึกเพื่อที่จะแยกให้เห็นว่าเรารู้ถูกเป็นอย่างไร รู้ผิดเป็นอย่างไร แล้วรู้ถูกมีผลเป็นอย่างไร รู้ผิดมีผลเป็นอย่างไร ที่เรามาฝึกเจริญสตินั้น เราต้องพยายามทำความเพียรเพื่อรวมตัวรู้ส่งไปสู่อายตนะต่างๆๆให้เป็นตัวรู้เพียงหนึ่งเดียว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น