โอวาทพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้นให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุ
ให้เห็นปัจจุบันธรรม อย่าส่งจิตอนาคตและอดีต
ธาตุ ๘๔,๐๐๐ ธาตุออกมาจากจิตหมด
นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้ว จิตไม่เกิดยินดี ยินร้าย ดับไปเช่นนี้ ชื่อว่านิโรธ
แสดงฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญต่อๆ ไป
ให้เอากาย วาจา ใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เห็นเป็นปกติ
มรรค ๘ นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ ๑ นอกนั้นเป็นปริยาย
ให้รู้ธรรมะและอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเอง
ถ้าส่งจิตใจต้องเด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่สุดจึงจะรู้ธรรมเห็นธรรม
เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่า อย่าไปเอามา ให้รู้เฉพาะปรกติของจิต
แสดงฐานของธรรมะเป็นบ่อเกิดอริยสัจของจริง
แสดงตนดูถูกท่านว่าท่านเป็นคนโกรธ เพราะผู้ฟังไม่เห็นตามความเป็นจริง เพราะยุ่งแต่จิตของตัวเท่านั้น
เกิดความรู้อย่างพิเศษแล้วย่อมมหาอานิสงส์ประมาณไม่ได้
อัตฺตาหิ..... ฯลฯ เป็นของลึกลับเหลือที่สุด
ให้รู้ธาตุเห็นธาตุ จิตจึงไม่ติดทางราคะ
คนเราจะดีจะชั่วต้องเกิดวิบัติเสียก่อน
ท่านแสดงไม่อ้างสวรรค์ นิพพาน ไม่อ้างทุคติ
อ้างความเป็นไปทางปัจจุบันอย่างเดียว เพราะชั่วดีก็
ปัจจุบันที่ยังเป็นชาติมนุษย์
ความรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นอนันตนัย มากมายยิ่งกว่า
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เป็นอุบายที่จะทรมานสัตว์
พ้นวิสัยของสาวกที่จะรู้ตามเห็นตามได้ สาวกกำหนดรู้แต่
เพียง ๘๔,๐๐๐ เท่านั้นก็เป็นอัศจรรย์
ท่านกำชับว่าอย่าให้จิตเพ่งนอก ให้รู้ในตัวเห็นในตัว เมื่อรู้
ในตัวแล้วรู้ทั่วไป เพราะตัวเป็นต้นเหตุ
ให้แก้ปัจจุบัน เมื่อแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ นั้นหลุดหมด
ไม่ต้องส่งอดีต อนาคต ให้ลบอดีตภายนอกให้หมด จึงจะ
เข้าอารมณ์ภายในได้
เพ่งนอกเป็นตัวสมุทัย เป็นทุกข์และเป็นตัวมิจฉาทิฐิ
เพ่งในเป็นตัวสัมมาทิฐิ เพ่งในตัวเป็นสัมมาทิฐิ
เล่นนิมิตก็ได้ ยินดียินร้ายก็ได้ เรียกว่าคุ้มเงาตน
เชื่อนิมิตเป็นบ้า
บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร
พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี
(จากหนังสือ “บูรพาจารย์” โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๔)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น