"เคล็ดลับของวิปัสสนานะ"
ถึงแม้ว่าคำสอนมีมากมายมหาศาล ย่อลงมาก็เหลือแต่ว่า มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง เท่านี้เอง แต่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ ต้องรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
เมื่อเรารู้หลักแล้วก็เอาไปขยันทำ ไม่รู้หลักก็ทำไม่ได้หรอก ล้มลุกคลุกคลานไปเรื่อย บางคนมั่ว ระหว่างสมถะกับวิปัสสนา แยกไม่ออก แยกไม่ออกแล้วก็ไปทำแล้วนึกว่าทำวิปัสสนาอยู่ เป็นสมถะ
ยกตัวอย่างบางท่านก็บอกว่า พุทโธแล้วไปพิจารณากาย แล้วก็บอกว่า พุทโธเป็นสมถะ คิดพิจารณากายเป็นวิปัสสนา จริงๆแล้วยังไม่เป็นหรอก คิดพิจารณากาย
การคิดเอา พิจารณาเอา มีวิตก-วิจารณ์ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน กายานุวิตกสติปัฏฐาน ไม่มีเลย มีแต่กายานุปัสสนา คำว่า “วิปัสสนา” คำว่า “อนุปัสสนา” ปัสสนะแปลว่าการเห็น ไม่ใช่วิตก ไม่ใช่การคิด (วิตกในภาษาบาลีแปลว่าคิด – ผู้ถอด) ไม่ใช่การพิจารณา วิจารณ์ (วิจารณ์ในภาษาบาลีแปลว่าการคลอเคลียอยู่ – ผู้ถอด) แต่ให้เห็นเอา เห็นตามความเป็นจริง คำว่า “วิ” แปลว่าแจ้ง เห็นแจ้ง เห็นจริง เห็นถูกต้อง เห็นไตรลักษณ์ ของกายของใจ ของรูปของนาม
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น