Universal Energy VS The Secret.
.....
จิตเดิมแท้... ไตรลักษณธรรม... กดเหนือกรรม..
ธรรม อิทัปปัจจยตา.. สายเดียวกัน.
ปัจจัตตัง
การไหลเวียนของเส้นแรงแม่เหล็กระหว่างศูนย์กลางดวงดาวกับศูนย์กลางดาราจักรนอกจากจะทำให้เกิดแรงเชื่อมต่อกันแล้ว ในขณะเดียวกัน แรงเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นระหว่างศูนย์กลางดวงดาวกับศูนย์กลางดาราจักร ที่แรงเข้าสู่ศูนย์กลางกับแรงหนีศูนย์กลาง ทำมุมตรงกันข้ามกันนั้น จะก่อให้เกิดเป็น แรงสืบต่อ ของสิ่งที่เรียกว่า กาลเวลา ขึ้น โดยลักษณะของแรงที่เกิดขึ้น มีลักษณะเป็นแรงดึงที่เคลื่อนเข้าเคลื่อนออกศูนย์กลาง เกิดขึ้นสลับกันไปมา
การที่ศูนย์กลางใดจะเกิดแรงดึงขึ้นมาได้นั้นสภาพพลังงานที่ศูนย์กลางในขณะนั้นจะต้องอยู่ในสภาพพลังงาน ที่เรียกว่า ธาตุศูนย์ หรือ สุญญตา โดยที่ศูนย์กลางที่เป็นสิ่งถูกดึง สภาพพลังงานที่ศูนย์กลางในขณะนั้นจะอยู่ในสภาพพลังงาน ที่เรียกว่า ความเป็นหนึ่ง หรือ เอกัคคตา ดังนั้นที่ศูนย์กลางโลกและของดาราจักร ก็จะมีการเปลี่ยนสภาพพลังงานจาก ธาตุศูนย์ ไปเป็น ความเป็นหนึ่ง จาก ความเป็นหนึ่ง ไปเป็นธาตุศูนย์ เปลี่ยนถ่ายสภาพพลังงานไปมาอย่างต่อเนื่อง
จังหวะที่ศูนย์กลางดาราจักร เริ่มเกิดแรงดึง จนกระทั่งหมดแรงดึง และจังหวะที่ศูนย์กลางโลก เกิดแรงดึง จนกระทั่งหมดแรงดึง จะมีช่วงหรือระยะของจังหวะที่มีค่าคงที่ค่าหนึ่งเสมอ ค่าของช่วงจังหวะนี้คือ 1 วินาที
แรงดึงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างศูนย์กลางดาราจักรกับศูนย์กลางโลกเท่านั้น แต่เกิดกับทุกดาวบริวาร และในโลกของเราก็ไม่ได้เกิดเฉพาะกับศูนย์กลางโลกเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับทุกอะตอมของสสารภายในโลก
โดยที่นิวเคลียสของแต่ละอะตอมจะเกิดการเปลี่ยนสภาพพลังงาน จากธาตุศูนย์เป็นความเป็นหนึ่ง จากความเป็นหนึ่งเป็นธาตุศูนย์ สลับกับศูนยกลางดาราจักรอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะๆ เช่นเดียวกัน
เส้นแรงมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างศูนย์กลางดาราจักร กับศูนย์กลางของดวงดาว และทุกศูนย์กลางของแต่ละอะตอม ที่เคลื่อนไหว ไป-มา เข้า-ออก เป็นจังหวะๆตลอดเช่นนี้ จะทำให้เกิดสนามแรงดึงขนาดใหญ่ขึ้น และด้วยสนามแรงขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกสิ่งไว้จึงทำให้เกิดมิติของสนามแรงที่เป็น แรงสืบต่อ ที่ขับเคลื่อนมิติของกาลเวลาให้เกิดขึ้น และมิติของเวลา ก็จะไปครอบคลุม มิติของสสาร วัตถุ รวมถึงครอบคลุม มิติของพลังงาน คือ ความเป็นคลื่น ความเป็นอนุภาค ความถี่ ความยาวคลื่น ตลอดจนครอบคลุมมิติของจิต คือ สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาณ จนกระทั่งจิตตกอยู่ในอิทธิพลของมิติพลังงาน มิติของสสาร และมิติกาลเวลา มิติทั้งหมดที่ประกอบเข้าด้วยกันนี้จึงเกิดเป็นการสืบต่อของเหตุการณ์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของสสาร ของพลังงาน และของจิต ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ เป็นเหตุ เป็นผล ของการกระทำในสิ่งต่างๆ ทั้งการกระทำ ทางกาย วาจา และใจ การศึกษาเรื่องแรงสืบต่อของกาลเวลาโดยทางสมาธิจิตนี้ เมื่อจิตบุคคลใดสามารถอยู่เหนือกาลเวลา หรือหลุดออกจากแรงสืบต่อของกาลเวลาได้ ถึงที่สุดของการศึกษาแล้วก็จะรู้และเข้าใจในเรื่องกฎแห่งกรรม
ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากมีแรงสืบต่อที่เกิดขึ้นระหว่างจุดสองจุดที่อยู่ห่างไกลกันดังที่ได้อธิบายมาแล้ว แรงสืบต่อยังเกิดได้กับเฉพาะจุดเฉพาะส่วนซึ่งเกิดเป็นแรงสืบต่อที่มีระยะสั้นเข้ามาเรื่อยๆ เช่นเฉพาะที่หัวใจเอง
ก็ยังเกิดแรงสืบต่อระหว่างศูนย์กลางใจกับเซลล์ที่ประกอบเป็นหัวใจ เป็นแรงดึงเข้าผลักออก ระหว่างศูนย์กลางหัวใจกับเซลล์ที่อยู่รอบๆที่ประกอบเป็นหัวใจ ซึ่งปรากฏออกมาเป็นการเต้นของหัวใจ แรงดึงเข้าผลักออกของหัวใจนี้นอกจากเกิดขึ้นจากกลไกของธาตุศูนย์กับความเป็นหนึ่งแล้ว
ยังมีพลังลมปราณเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้การเต้นของหัวใจเกิดสืบต่อต่อไปได้ การเกิดแรงสืบต่อเฉพาะจุดเฉพาะอวัยวะนี้ก็ไม่เกิดขึ้นที่หัวใจที่เดียวเท่านั้น ที่อวัยวะอื่น เซลล์อื่นก็เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งถึงที่สุดแล้วในอะตอมของเซลล์ในร่างกายและในสสารทุกชนิดก็มีแรงสืบต่อที่เป็นสนามแรงขนาดเล็ก เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เราจึงพบว่ามีสนามแรงขนาดเล็กจำนวนมหาศาล ที่รวมกันอยู่ในสนามแรงที่มีขนาดใหญ่กว่า สนามแรงขนาดเล็กจะได้รับพลังที่ส่งผ่านมาจากสนามแรงที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นชั้นๆ เป็นทอดๆ เชื่อมโยงกันเป็นเส้นเป็นสายเป็นใยของเส้นแรงที่ถักทอเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
ถ้าคนเรามีสุขภาพดีจังหวะการเต้นของหัวใจและชีพจรจะเท่ากับหรือใกล้เคียง 60 ครั้งในระยะเวลาหนึ่งนาที ซึ่งเป็นจังหวะของธรรมชาติ จังหวะของกาลเวลา ที่ศูนย์กลางดาราจักรกับศูนย์กลางโลกเกิดแรงสันตติระหว่างกัน
นั่นคือเมื่อมนุษย์มีจังหวะของชีวิตสอดคล้องกับจังหวะของธรรมชาติ ร่างกายก็จะแข็งแรงมีสุขภาพดี แต่ถ้าการเต้นของหัวใจและชีพจรเร็วหรือช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาทีมาก และการเต้นนั้นไม่สม่ำเสมอ ผิดปกติ ไม่หนักแน่นมีพลัง ก็จะเป็นสิ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายที่กำลังเจ็บป่วยเสื่อมถอย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น