วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อะไรคือโยคะ

อะไรคือโยคะ??
โยคะเป็นคำสันสกฤตซึ่งตามความหมายของคำ หมายความว่า "การติดต่อ" หรือ "การเชื่อมต่อ" ซึ่งตรงกันข้ามกับคำว่า "วิโยคะ" หมายถึง "การแยกห่าง" มันมีนัยที่แสดงถึงสองสิ่งซึ่งเคยอยู่ด้วยกันและแยกจากกันความหมายทางดวงวิญญาณ โยคะเป็นพื้นฐานของการเชื่อมต่อของดวงวิญญาณกับพระเจ้่า มันแสดงให้เห็นถึงการสร้างการเชื่อมต่อทางดวงวิญญาณด้วยความคิดระหว่างดวงวิญญาณกับดวงวิญญาณสูงสุดผู้ทรงอำนาจ เพื่อจะชดเชยแสงและอำนาจของดวงวิญญาณที่ได้สูญเสียไป ซึ่งเป็นผลจากกิเลสและการกระทำผิดของดวงวิญญาณที่ได้ทำผิดไว้ในละครโลก

แบตเตอรี่ที่ใช้ไปจนหมดก็ต้องอัดพลังเข้าไปใหม่ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับตัวเพิ่มพลังแบตเตอรี่
เช่นเดียวกัน ดวงวิญญาณที่อ่อนแอจะต้องได้รับแสงและพลังอำนาจด้วยการเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับพระเจ้าชีว่า การเชื่อมต่อนี้สามารถสร้างขึ้นได้โดยผ่านการคิดถึงพระเจ้าชีว่า ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความรักในสภาวะของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ โยคะอาจจะให้คำจำกัดความว่าเป็นการสร้างการเชื่อมต่อโดยความคิดถึงสิ่งเดียว ด้วยความรักอย่างลึกซึ้งและเป็นการระลึกถึงพระเจ้าด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ซึ่งมีผลในการชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์ สันสการ์ที่ชั่วร้ายก็จะได้รับการให้อภัยและบรรลุถึงความสงบและความปิติสุขที่ยาวนาน

แหล่งกำเนิดและการเิติบโตของโยคะ
โยคะเป็นของขวัญของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติ ความลับของโยคะที่แท้จริงได้ถูกเปิดเผยโดยพระเจ้าชีว่าเอง เมื่อท่านได้ลงมาบนโลกนี้ในตอนจบที่น่าเบื่อหน่ายของยุคเหล็ก การฝึกโยคะต้องมีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณสูงสุดและละครโลกซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถเปิดเผยได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ พระเจ้า หรือที่รู้จักกันว่าเป็น ญาณอิศวร(Gyaneshara) และ โยคอิศวร (Yoneshwara)  ซึ่งหมายความว่ามีเพียงท่านเท่านั้นที่เป็นแหล่งของความรู้และโยคะ ตามวัฒนธรรมโบราณชีว่าถูกยกย่องว่าเป็นพระเจ้าของโยคีด้วยเช่นกัน

หลังจากภาระกิจที่สูงส่งของการชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์และการก่อตั้งยุคทองอีกครั้งหนึ่งได้เสร็จสิ้นลง โยคะดั้งเดิมที่สอนโดยพระเจ้าชีว่าก็จะอันตรธานหายไป ซึ่งต่อมา ภายหลังในยุคทองแดงหลังจากที่โยคะที่แท้จริงของพระเจ้าได้หายไปแล้ว มนุษย์ที่เป็นนักปราชย์ต่าง ๆ เช่นวาสิทธา ปาตัญจารี ได้อธิบายโยคะในรูปแบบของพวกเขา เนื่องจากการกระจัดกระจายของโยคะที่พบกันมากมายในคัมภีร์โบราณของอินเดีย จึงทำให้เวลาต่อมา คำว่าโยคะก็เริ่มที่จะมีการนำมาใช้กับท่าดัดตนบางอย่าง ซึ่งเรียกว่า อาสนะ (Asanas) การฝึกฝนเพื่อควบคุมการหายใจเรียกว่าปราณาญามะ(Pranayam) การปฏิบัติกิจต่าง ๆ (Niyamas) และการฝึกฝนการถอยห่างและการยับยั้งจากสิ่งชั่วร้าย การฝึกฝนจิตใจ เช่น การควบคุมความคิด การไตร่ตรองพิจารณา สมาธิ (Samadhi  = การซึมซับ)

การเติบโตของโยคะในภายหลังในรูปแบบต่าง ๆ ส่วนมากปรากฏขึ้นจากความคิดที่พัฒนาขึ้นในยุคทองแดง การฝึกฝนเกี่ยวกับการทรมานร่างกาย ซึ่งมารู้จักกันในนามของ "หฐโยคะ" จะสังเกตได้ว่าความคิดเรื่องโยคะที่มนุษย์คิดขึ้นเหล่านี้ โดยพื้นฐานแล้วแตกต่างจากโยคะดั้งเดิมที่เปิดเผยโดยพระเจ้าชีว่า ในความเป็นจริงคำว่าโยคะที่ใช้กันในปัจจุบันเป็นการนำชื่อไปใช้อย่างผิด ๆ สำหรับการฝึกฝนหฐโยคะเหล่านี้ ไม่มี หฐโยคะชนิดใดเลยที่สามารถจะสร้างการเชื่อมต่อทางดวงวิญญาณกับพระเจ้าได้

โยคะที่มีอยู่ทุกวันนี้
ทุกวันนี้คำว่าโยคะถูกใช้กันอย่างกว้างขวาง แต่ใช้ผิดความหมายอย่างสิ้นเชิง พิธีกรรมที่เกี่ยวกับความลี้ลับที่มีอยู่ทุก ๆ ชนิด หรือ พฤติกรรมที่ประหลาด ๆ การกระทำที่น่าเกลียดและแม้แต่กายกรรมก็ถูกประทับตราว่าเป็นโยคะ ความสูงส่งของคำว่าโยคะได้ถูกตีความไปในทางที่ผิดอย่างหยาบ ๆ เพื่อเป็นการหาเงิน แม้แต่สาวกของ หนทางแห่งการสละละทิ้ง (ซานยาส) หนทางของการบูชาร้องขอ (บัคตี) และ นักศึกษาคัมภีร์ บัดนี้ชอบที่จะเพิ่มเติมคำว่าโยคะไว้ตอนท้าย อย่างผลที่ปรากฏออกมาว่าเป็น ซานยาสโยคะ (Sanyas Yoga) บัคตีโยคะ (Bhakti Yoga) และ ญาณโยคะ (Gyan Yoga) ซึ่งผิดไปจากรูปแบบเดิม

นักปราชญ์บางคนก็สร้างคำขึ้นมา เช่น "โยคะที่สมบูรณ์" "โยคะหลายรูปแบบ" "โยคะเหนือประสาทสัมผัส"  ฯลฯ เพื่อเป็นเครื่องหมายโยคะของพวกเขาเอง แล้วก็มี"กริยาโยคะ" "กูลดาลินีโยคะ" และอื่น ๆ ที่พบเห็นทุกวันนี้อีกมาก ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าโยคะก็เหมือนกับศาสนาด้วยเช่นกัน แต่ได้สูญเสียความหมายดั้งเดิมของมันไปแล้ว จนเข้าถึงสภาพที่เสื่อมอย่างสมบูรณ์ อย่าปล่อยให้ใครมาชักนำไปในทางที่ผิดต่อรูปแบบต่าง ๆ ของโยคะที่เพิ่มขึ้น

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ดูเหมือนจะมีการเปิดโรงพยาบาลชั่วคราวหลายแห่งอย่างเร่งด่วนมากมาย โดยไม่ได้มีการตระเตรียม ในชุมชนเหมือนเป็นสัญญาณเตือนของการแพร่ระบาดของโรคบางอย่าง แต่การเปิดโรงพยาบาลเหล่านั้นกลับไม่ได้ประโยชน์หรือเป็นการพัฒนาสุขภาพของผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนนั้นเลย ทำนองเดียวกันกับกระแสการปะทุขึ้นของกิจกรรมโยคะในโลก เป็นเพียงตัวชี้บอกสภาวะที่ทุกข์ทรมานของสัมคมมนุษย์ทุกวันนี้ ที่อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเกินที่จะกู้ให้กลับคืนโดยพลังของมนุษย์ใด ๆ มันเป็นเวลาของความืดมิดที่สุดนั่นเองที่พระเจ้าชีว่าผู้ช่วยให้พ้นบาปได้ลงมาจากพารามธรรมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดเผยสภาพดั้งเดิมและเก่าแก่ของราชโยคะแห่งภารัต

ความหมาย จุดประสงค์ และชื่อต่าง ๆ ของราชโยคะ
โยคะแท้ ๆ ที่เปิดเผยโดยพระเจ้าชีว่านั้นพิเศษในทุก ๆ เรื่อง โยคะที่เก่าแก่ที่สุดนี้ (5,000 ปี) ในความเป็นจริง เป็นวิถีทางที่เตรียมไว้โดยพระเจ้าชีว่า ท่านเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นมงคลที่สุด ท่านประทานคุณลักษณะและพลังที่สูงส่งของท่านมายังลูก ๆ ผู้เป็นที่รักยิ่งของท่าน ซึ่งเป็นดวงวิญญาณมนุษย์ทั้งหลาย โยคะที่สอนโดยพระเจ้าเองเป็นโยคะที่สมบูรณ์ โยคะแท้ ๆ นี้ได้รับชื่อต่าง ๆ ตามคุณลักษณะที่แตกต่างซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพื้นฐานในความรู้ของพระเจ้า โยคะนี้รู้จักกันในนาม"ญาณโยคะ" (โยคะของความรู้) และ ถูกเรียกว่า "บัคตีโยคะ" (โยคะแห่งการบูชากราบไหว้) ด้วย เพราะต้องมีความศรัทธาที่มั่นคงต่อพระเจ้า

โยคะเดียวกันนี้ก็ถูกเรียกว่า คาร์มาโยคะ (โยคะของการกระทำ) เพราะว่ามันสามารถฝึกฝนได้แม้แต่ขณะที่เรากำลังทำงานที่เป็นภาระกิจทางโลก โยคะอันเดียวกันนี้ก็ถูกให้ชื่อว่า ซานยาสโยคะ (โยคะแห่งการสละละทิ้ง) เพราะว่าผู้ฝึกปฏิบัติสามารถสละกิเลสและสละการยึดติดซึ่งมีต่อวัตถุทางโลกของเขา โดยที่เขาไม่ต้องละทิ้งผู้ที่เป็นที่รักและบ้านเรือน

อย่างไรก็ตาม ไม่มีโยคะทางโลกชนิดใดจะสามารถถ่ายทอดความเข้าใจความหมายของโยคะของพระเจ้าได้ ดังนั้น เพื่อให้แตกต่างไปจากหฐโยคะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนการทรมานร่างกาย โยคะนี้จึงได้ชื่อว่าโยคะที่ง่ายดาย (สหจะโยคะ) หรือ ราช-โยคะ (ราชา โยคะ ถ้าสองคำนี้เขียนแยกจากกัน คำว่า "ราชา" หมายถึง "กษัตริย์" "ผู้ปกครอง" หรือ "ผู้มีอำนาจในการปกครอง" โยคะนี้เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่า ราช-โยคะ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้)

เพราะเป็นโยคะที่สูงที่สุด หรือเป็นสุดยอดของโยคะทั้งหมดเพราะว่าได้สอนโดยครูผู้สูงสุด พระเจ้าชีว่าที่ไร้ร่าง ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าแห่งโยคะที่แท้จริงเพียงผู้เดียว
เพราะให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้ฝึกฝนโดยสามารถทำให้จิตใจของเขาสูงส่งและมีอำนาจปกครองเหนือประสาทสัมผัส

เพราะทำให้ผู้ฝึกฝนได้รับสภาพของการหลุดพ้นจากบ่วงพันธะในขณะที่มีชีวิต (Jeewan Mukti) ที่สูงสุด นั่นคือมรดกของพระเจ้าผู้เป็นพ่อทำให้ผู้ฝึกฝนกลายเป็นเทพผู้มีอำนาจในการปกครองตนเอง 21 ชาติเกิดติดต่อกันในยุคทองและยุคเงิน(สวรรค์)

การบรรลุผลสำเร็จโดย ราชโยคะ
การบรรลุผลสำเร็จโดยราชโยคะของพระเจ้าเป็นความสูงส่งที่สุดทางด้านดวงวิญญาณ เพราะว่าเป็นการประสานกันของความเพียรพยายามส่วนตนกับพลังอำนาจของพระเจ้าชีว่า เป็นการฝึกฝนที่ทำให้มนุษย์นั้นสูงส่งและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ในบุคคลิกภาพของเขา มันทำให้โยคีมีความสุขเหนือประสาทสัมผัสเกิดความปิติ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สูงที่สุดและมีศีลธรรมที่สุด ความปิติสุขนี้ทำให้จิตใจของเขาสูงส่ง ความบริสุทธิ์ที่ได้มาอย่างง่ายดายจะพาเขาขึ้นไปอยู่เหนือตัณหาและความพอใจในประสาทสัมผัส หลอมนิสัยที่ไม่ดีทิ้ง และลบสันสการ์ที่ชั่วร้ายของเขามันสามารถทำให้เขามีประสบการณ์ที่สงบล้ำลึกและความผ่อนคลายด้วยการละวางและหลุดจากการควบคุมของสภาวะแวดล้อมของสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมสิ่งนี้ทำให้้โยคีเยือกเย็น สงบ และนิ่งเงียบอยู่ในความรัก มันจบสิ้นความขัดแย้งระหว่างความคิดและสติปัญญาของเขา ทำให้เขาสามารถที่จะมีความสงบอย่างคงที่อยู่กับตัวเองและมีความจริงใจต่อ เพื่อนมนุษย์อีกด้วย

การกระทำของเขาจะไม่ล่วงล้ำต่อกฏที่สูงส่งหรือกฏของธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ ราชโยคีก็รวมความเมตตากับความถูกต้อง ความรักกับกฏระเบีัยบ และความง่ายกับความตื่นตัวเข้าด้วยกัน เหล่านี้เป็นคุณสมบัติของพระเจ้าเองซึ่งเหล่าราชโยคีซึมซับไว้ในตน พระเจ้าชีว่านั้นยุติธรรมและมีเมตตา ไม่ลำเอียง และก็ยังเป็นที่รักที่สุดของทุกดวงวิญญาณ การได้มาซึ่งพลังที่สูงส่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาที่สูงส่งและเต็มไปด้วยความสุขของโยคี

จากหนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...