วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

หลักทำสมาธิ คือ รูปณาน 0349

0349   หลักการทำสมาธิคือรูปฌาน

     ที่แสดงมานี่เราทุกคนจงปลูกศรัทธาให้มั่นคง   มีความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ   มีสัจจะคือความจริงใจในการที่จะกระทำการปฏิบัติ   อย่าเป็นคนเหลวไหลหละหลวมผัดวันประกันพรุ่ง   อย่าเป็นคนเกียจคร้าน   รักษาศีลให้ดีให้เรียบร้อย   คือขัดเกลากิเลสหยาบ   ธรรมะคือสมาธิขัดเกลากิเลสอย่างกลาง   เมื่อเรารักษาศีลดีเราก็จะนั่งสมาธิได้เร็ว   คือศีลวิสุทธิ   จิตก็จะวิสุทธิไปด้วย   จิตคือสมาธินั่นเอง   เมื่อจิตเราวิสุทธิ   ทิฏฐิก็วิสุทธิ   ทิฏฐิก็คือปัญญานั่นเอง   กล่าวโดยสรุป   ศีล   สมาธิ   ปัญญาเป็นองค์ของมรรค ๘   ซึ่งย่อลงมา   ถ้าเราปฏิบัติตรงแล้วทุกอย่าง   เช่น   รักษาศีลไว้ให้มั่นแล้ว   มีสมาธิฌานเกิดขึ้นแล้ว   ก็จะเกิดปัญญานำไปสู่การละกิเลส   จึงขอเน้นว่าจงทำตามที่สั่งสอนนี้ขึ้นไปตามขั้นตอน   ทำให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆตรงตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

     ที่อาจารย์ปฏิบัติอยู่นี้รู้แน่ชัด   ขอยืนยันไว้กับศิษย์ทุกคนว่าไม่มีคำสั่งสอนใดที่อาจารย์คิดขึ้นเองอาจารย์ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ครบถ้วนทั้งสิ้น   จึงสามารถสอนพวกเราได้   ถ้าไม่รู้จริงอาจารย์ไม่กล้าสอนพวกเรา   เพราะนรกเป็นของมีจริง   การสอนให้ศิษย์ทำผิด   ครูบาอาจารย์เป็นผู้ลงนรก   ศิษย์ไม่เท่าไรหรอก   นี่เป็นหลักสำคัญ   จะอวดดีอวดเก่งไม่ได้ในการที่ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า   พระพุทธองค์ก่อนที่จะสอนศิษย์ของพระองค์พระองค์ก็ต้องตรัสรู้เป็นพระอรหหันต์แล้ว   และพระอรหันต์ต่างๆ   เช่น   พระสารีบุตร   พระโมคคัลลานะ   พระกัสสปะเถระ   ล้วนเป็นพระอรหันต์ระดับอัครสาวกมีอภิญญา ๖   ปฏิสัมภิทาญาณ ๔   ทั้งสิ้น    การเขียนตำราใดๆ   ขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติเพื่อสั่งสอนผู้อื่นที่คิดว่าดี   วิเศษยิ่งกว่าคำสั่งสอนของพุทธองค์ที่มีอยู่ในอภิธรรมนั้น   เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ   รู้ที่ใจไม่ใช่จากการพูด

     อภิญญา ๖   เป็นความรู้ชั้นสูงอันเกิดจากการปฏิบัติสมถวิปัสสนา   ประกอบด้วย

๑.   อิทธิวิธี   แสดงฤทธิ์ได
๒.    ทิพโสด   มีหูทิพย์
๓.    เจโตปริยญาณ   สามารถทายใจคนอื่นได้
๔.    ปุพเพนิวาสานุสติญาณ   ระลึกชาติได้
๕.    ทิพจักขุ   (จุตูปปาตญาณ)   มีตาทิพย์
๖.    อาสวักขยญาณ   คือทำให้อาสวะกิเลส  (กิเลสละเอียด)   หมดสิ้นไป
  
๕   อย่างแรก   เป็นโลกียอภิญญา   เสื่อมได้เมื่อยังไม่ถึงพระนิพพาน   อย่างที่ ๖   คือ   อาสวักขยญาณ   เป็นโลกุตรอภิญญา   ทำให้กิเลสหมดสิ้น   บรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้

     ปฏิสัมภิทาญาณ ๔   คือ   ปัญญาแตกฉานมี ๔ อย่างด้วยกันคือ

๑.   อัตถปฏิสัมภิทา   แตกฉานในทางอรรถ
๒.    ธัมมปฏิสัมภิทา   แตกฉานในทางธรรม
๓.    นิรุตติปฏิสัมภิทา   แตกฉานในทางนิรุกติหรือภาษา
๔.    ปฏิภาณปฏิสัมภิทา   แตกฉานในทางปฏิภาณ

จบเพียงเท่านี้ครับ

หลวงปู่สรวง   ปริสุทโธ   วัดถ้ำขวัญเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...