0387 วิปัสสนากรรมฐาน (ต่อจากเมื่อวาน)
ปัญญา ได้แก่ ความรู้ในธรรมที่เรากำลังปฏิบัติอยู่ ภาวนาอยู่ โดยตรวจสอบดูว่าธรรมในหมวดใดองค์ใดที่เราภาวนามาแล้วยังบกพร่องอยู่ก็ให้รีบแก้ไขเสีย การรู้ดังกล่าวคือตัวปัญญา แต่ถ้ารู้แล้วยังแก้ไม่ได้แสดงว่าปัญญาในพละ ๕ ของเรายังไม่ดีพอ เมื่อยังไม่ดีพอพละ ๕ ก็ยังไม่สมบรูณ์ และถ้ายังไม่สมบรูณ์ก็เป็นอินทรีย์ ๕ ไปไม่ได้ พละ ๕ สมบรูณ์มีกำลังเมื่อใดก็จะเป็นอินทรีย์ ๕ เมื่อนั้น (คือมีสติรู้เท่าทันต่อผัสสะที่มากระทบ ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รู้ละทันหมด)
อินทรีย์ ๕ คือธรรมที่เป็นใหญ่นำไปสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วยองค์ธรรมเช่นเดียวกับพละ ๕ คือมีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ต่างกันที่องค์ธรรมแต่ละองค์ในอินทรีย์ ๕ มีความสมบรูณ์หรือมีกำลังสูงกว่าพละ ๕ เช่น เมื่อถึงอินทรีย์ ๕ ตัวสติจะว่องไวและมีกำลังยิ่งขึ้น รู้ตัวเท่าทันต่อผัสสะที่มากระทบทุกอย่าง หากมีทุกขเวทนาเกิดขึ้น เช่น เจ็บปวดจากการนั่ง สมาธิในพละ ๕ ก็สามารถสู้กับเวทนาได้ แต่ถ้าพละ ๕ ไม่แข็งก็อาจสู้เวทนาไม่ได้ ต้องเปลี่ยนท่านั่งหรือออกจากสมาธิเสียก่อนเป็นการอ่อนแอต่อการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติให้ถึงมรรคผลต้องสู้กับทุกขเวทนาอย่าไปยอมแพ้มัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา อาจารย์เคยเจ็บจนไม่รู้จะทำอย่างไร เอาผ้ารองตั้ง ๒ – ๓ชั้น ก็แก้ความเจ็บปวดไม่ได้ เจ็บปวดเหมือนมีหนามมีเข็มมาทิ่มแทงกัน แม้เจ็บจนเหงื่อไหลน้ำตาร่วงก็เคย แต่ว่าใจมันคล้ายใจเสือ มันสู้ไม่ยอมแพ้ มันท้าว่าถ้าจะตายก็ให้ตายไปไม่ยอมแพ้ ถ้าไม่หายปวดก็จะไม่ยอมออก นั่งเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงสามชั่วโมง นี่คือการต่อสู้กับกิเลสมารโดยมีตัวกำลังเป็นตัวฮึดขึ้นมาในใจ นั่งสู้กับมันจนดึกดื่นค่อนคืนไม่ยอมแพ้
(ต่อพรุ่งนี้ครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น