... วิธีตัดทำลายเหตุและผลของ
การตายเกิดในวัฏสงสาร
วิธีตัดทำลายเหตุและผลคือ
๑. การใช้ปัญญาสัมมาทิฏฐิคอยดูจดจ่อ
อยู่ที่จิต ซึ่งเรียกว่า มโนวิญญาณธาตุ
๒. มหาภูตรูปทั้ง ๔ คือ ธาตุดิน อันมีลักษณะ
หนัก แข็ง หยาบ กระด้าง เบา อ่อนนิ่ม ธาตุน้ำ
อันมีลักษณะ ซึมซับ เอิบอาบ แตกแยก เกาะกุม
ธาตุไฟ อันมีลักษณะ เย็นร้อน อุ่น หนาว
ธาตุลมอันมีลักษณะ เจ็บ ปวด เต้น ตอด
เหน็บซ่าน โยกคลอน ไหวนิ่ง ในขณะที่นั่งอยู่
หรือในอิริยาบทอื่นก็ตาม ลักษณะอาการแห่ง
มหาภูตรูปหรือธาตุ ๔ นี้ จะต้องปรากฏออกที่
มโนวิญญาณธาตุอย่างแน่นอน
หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วจะมี ๓
ลักษณะคือ ดี ชอบ เรียกว่า โสมนัสเวทนา
ร้าย ไม่ชอบ เรียกว่า โทมนัสเวทนา
เป็นกลางๆ ดีก็ไม่ใช่ ร้ายก็ไม่ใช่ หรือเฉยๆ
เรียกว่า อุเบกขาเวทนา
ลักษณะอาการที่แสดงออกมานี้เป็นอาการ
ของรูปและนาม เมื่อใดก็ตามที่อาการเหล่านี้
เกิดขึ้นมา ให้ใช้สัมมาสังกัปปะพิจารณาว่า
ไม่ใช่ของเรา เป็นอนัตตา ไม่ควรยึดถือว่าเป็น
ของตน พร้อมกันนี้ก็ให้ใช้สัมมาทิฐิ ความเห็น
ถูกต้อง ดูที่ความเป็นอนัตตานั้นให้ชัด
พระพุทธองค์ตรัสว่า เอโก ธัมโม อนัตตาโต
ภิกขะเว อนุปัสสิโต ภาวิโต พหุลีกะโต
อภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ
สังวัตตะติ ฯ
แปลว่า ภิกขะเว- ดูกรท่านผู้เห็นภัย
แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งจะมาปรากฏ
ในภายหน้า เอโก ธัมโม- ธรรมะอันเป็นเอก
(อันนี้) อนัตตาโต- ตรงที่ความเป็นอนัตตานั้น
อนุปัสสิโต- เธอจงเฝ้าดู ภาวิโต- เธอจงเฝ้า
พิจารณา พหุลีกะโต- เธอจงทำให้มาก
อภิญญายะ- มรรคญาณ สัมโพธายะ- ผลญาณ
นิพพานายะ- พระนิพพาน สังวัตตะติ- ย่อมเกิด
ขึ้นมา
ผู้เห็นภัยแห่งการเกิดแก่เจ็บตายทั้งหลาย
ตรงที่ความเป็นอนัตตานั้น จงใช้สัมมาทิฐิดูให้
มากๆ ใช้สัมมาสังกัปปะพิจารณาลงไป
ให้ต่อเนื่องว่ามิใช่ของตน เป็นอนัตตา
การกระทำอย่างนี้เนื่องๆ นั่นแหละเป็นเหตุแห่ง
การเกิดมรรคผลนิพพาน
ขอให้ท่านจงปฏิบัติไปอย่างนี้ให้ดีโดยต่อเนื่อง
แล้วเราจะเข้าใจแจ่มแจ้งเห็นจริงว่า
พระพุทธเจ้าตรัสสอนสิ่งที่เป็นจริง หากว่าเห็น
เวทนาเป็นอนัตตาแล้ว อัตตาอันเป็นหัวหน้า
ของตัณหาก็จะถูกตัดทำลายลงไปได้
เหตุและผลแห่งวัฏสงสาร อันเป็นวงเวียน
แห่งการตายเกิดก็จะถูกตัดขาดออก
เป็นสองท่อนทำงานต่อไปไม่ได้ อนาคตเหตุ
ก็หยุดนิ่ง ไม่เคลือนไหวอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น