🍏🍏
ช่วงท้าย คำสอนหลวงปู่มั่น "มุตโตทัย"
ปัจฉิมโพธิกาล .. ทรงแสดงปัจฉิมเทศนาในที่ชุมนุมพระอริยสาวก
ณ พระราชอุทยานสาลวันของมัลลกษัตริย์กรุงกุสินารา
ในเวลาจวนจะปรินิพพานว่า
หันททานิ อามันตยามิ โว ภิกขเว ปฏิเวทยามิ โว ภิกขเว
ขยวย ธัมมาสังขารา อัปปมาเทน สัมปาเทถ
เราบอก ท่านทั้งหลายว่า
จงเป็นผู้ไม่ประมาทพิจารณาสังขารที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไป
เมื่อท่านทั้งหลายพิจารณาเช่นนั้นจักเป็นผู้แทงตลอด
พระองค์ตรัสพระธรรมเทศนาเพียงเท่านี้
ไม่ตรัสอะไรต่อไปอีกเลยจึงเรียกว่า ปัจฉิมเทศนา
อธิบายความต่อไปว่า
สังขารมันเกิดขึ้นที่ไหน? อะไรเป็นสังขาร
สังขารมันก็เกิดขึ้นที่จิตของเราเอง
เป็นอาการของจิต ให้เกิดขึ้น ซึ่งสมมติทั้งหลาย
สังขารนี้แล เป็นตัวการสมมติบัญญัติ
สิ่งทั้งหลายในโลก ความจริงของในโลกทั้งหลาย
หรือธรรมธาตุทั้งหลายเขามีเขาเป็นอยู่อย่างนั้น
แผ่นดิน ต้นไม้ ภูเขาฟ้า แดด เขาไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรเลย
ตลอดจนตนตัวมนุษย์ก็เป็นธาตุของโลก
เขาไม่ได้ว่าเขาเป็นนั้นเป็นนี้เลย
เจ้าสังขารตัวการนี้เข้าไปปรุงแต่งว่าเขาเป็นนั้นเป็นนี้
จนหลงกันว่าเป็นจริงถือเอาว่าเป็นเรา เป็นของๆ เราเสียสิ้น
จึงมีราคะโทสะ โมหะ เกิดขึ้น ทำจิตดั้งเดิมให้หลงตามไป
เกิดแก่เจ็บตาย เวียนว่ายไปไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอเนกภพอเนกชาติ
เพราะเจ้าสังขารนั้นแลเป็นตัวเหตุ
จึงทรงสอนให้พิจารณาสังขารว่า
สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพสังขารา ทุกขา
ให้เป็นปรีชาญาณชัดแจ้ง
เกิดจากผลแห่งการเจริญปฏิภาคเป็นส่วนเบื้องต้นจนทำจิตให้เข้าภวังค์
เมื่อกระแสแห่งภวังค์หายไป
มีญาณเกิดขึ้นว่า นั้นเป็นอย่างนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยงเป็นทุกข์
เกิดขึ้นในจิตจริงๆ จนชำนาญเห็นจริงแจ้งประจักษ์ก็รู้เท่าสังขารได้
สังขารก็จะมาปรุงแต่งให้จิตกำเริบอีกไม่ได้
ในคาถาว่า อกุปปํ สัพพ ธัมเมสุ เญยยธัมมา ปเวสสันโต
เมื่อสังขารปรุงแต่งจิตไม่ได้แล้ว ก็ไม่กำเริบรู้เท่าธรรมทั้งปวง
สันโต ก็เป็นผู้สงบระงับถึงซึ่งวิมุตติธรรมด้วยประการฉะนี้
ปัจฉิมเทศนานี้เป็นคำสำคัญแท้
ทำให้ผู้พิจารณา รู้แจ้งถึงที่สุด พระองค์จึงได้ปิดประโอษฐ์แต่เพียงนี้
.
พระธรรมเทศนาใน ๓ กาลนี้
ย่อมมีความสำคัญเหนือความสำคัญในทุกๆ กาล
ปฐมเทศนา ก็เล็งถึงวิมุตติธรรม
มัชฌิมเทศนา ก็เล็งถึงวิมุตติธรรม
ปัจฉิมเทศนา ก็เล็งถึง วิมุตติธรรม
รวมทั้ง ๓ กาล ล้วนแต่เล็งถึง วิมุตติธรรม ทั้งสิ้นด้วยประการฉะนี้
..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น