0369 วิปัสสนากรรมฐาน
อิทธิบาท ๔ และ พละ ๕
เมื่อทำฌาน ๔ ผู้ปฏิบัติก็อยากรู้ว่าอาการของฌาน ๔ เป็นอย่างไร เพื่อจะตรวจสอบดูว่าการปฏิบัติของตนถึงฌาน ๔ แล้วหรือยัง ลักษณะของฌาน ๔ นั้น จิตจะตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา อุเบกขา คืออยู่ในอารมณ์ของความสงบระงับจากนิวรณ์ทั้ง ๕ ไม่ฟุ้งไปเรื่องใด มีอารมณ์ที่เป็นกลางไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ชอบไม่ชัง ไม่ปรุงแต่งต่อสิ่งที่มากระทบ มีสติสมบรูณ์รับรู้สิ่งต่างๆที่มาสัมผัสได้ แม้จะมีเสียงดังให้ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงใด ก็สักแต่ว่ารู้ในเสียงนั้น โดยไม่เข้าไปปรุงแต่งให้จิตกระเพื่อมไหว หรือหากมีเวทนาเกิดกับกายกับจิต ไม่ว่าจะป็นสุขเวทนาหรือทุกข์เวทนา ก็สักแต่รู้ว่ามีเวทนา โดยไม่ปรุงแต่งเป็นยินดียินร้ายในเวทนานั้น จิตยังคงตั้งมั่นอยู่ในอุเบกขาคืออารมณ์ที่เป็นกลาง เช่นนี้จึงจะเรียกว่าถึงฌาน ๔
เมื่อเข้าฌาน ๔ อย่างแนบแน่น ก็จะมีอาการทางกายตามมา เช่น ชาที่ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าขึ้นมา อาการชาจะปรากฎที่ใบหน้า ริมฝีปาก หรือแม้กระทั่งลิ้น บางคนอาจชาที่ใบหน้าก่อน อาการชาจะมารวมกันที่ปาก จนบางทีปากยื่นออกไป บางครั้งหากไม่ชาก็อาจจะมีอาการเกร็งแข็งไปทั้งตัวเหมือนถูกตรึงไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้ ต้องคลานออกจากสมาธิหรือใช้กำลังอย่างแรงจึงจะขยับได้ เหล่านี้ล้วนเป็นอาการของฌาน ๔ทั้งสิ้น
หากผู้ปฏิบัติทำฌาน ๔ ได้สมบร์แล้วจึงสมควรขึ้นวิปัสสนา การด่วนทำวิปัสสนาโดยยังไม่ได้ฌาน ๔ นั้น กำลังของสมาธิไม่เพียงพอ แม้ว่าในช่วงทำวิปัสสนาเราไม่ได้ใช้สมาธิระดับฌาน ๔ คือ อัปนาสมาธิ แต่เราใช้สมาธิระดับกลาง คือ อุปจารสมาธิในระดับฌาน ๓ แก่ๆก็ตาม แต่ถ้าพื้นฐานของสมาธิไม่แข็งแรงดีแล้ว ก็ยากที่จะก้าวหน้าในระดับมรรคผลได้ นอกจากนี้ยังถูกนิวรณ์ ๕ กวน และต้องเผชิญกับทุกขเวทนาจากการนั่งนานๆ จนทนกันแทบไม่ไหว ยิ่งกว่านั้นยังถูกโทสะกิเลสและกามราคะตีขึ้นมาอย่างแรงด้วย ดังนั้นการได้สมาธิถึงฌาน ๔ จึงเป็นกำลังสำคัญของการทำวิปัสสนา เพื่อให้ผู้ที่ปฏิบัติจะได้ผ่านอุปสรรคได้และนำไปสู่มรรคผลได้ง่ายกว่าการไม่มีฌาน ๔
ต่อพรุ่งนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น