วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การทำณาน 4 0359

0359   คำถามเกี่ยวกับการทำฌาน ๔

๔.   ถาม ผู้ที่ได้ปิติอ่อนๆ   อาจจะอยู่ในฌาน ๑ ไม่ถึงฌาน ๒   ในทำนองเดียวกันผู้ที่ได้สุขอ่อนๆก็อาจจะอยู่ในฌาน ๒   ไม่ถึงฌาน ๓ก็ได้ ใช่หรือไม่

      ตอบ ไม่ใช่   ฌาน ๑ ก็ฌาน ๑   ฌาน ๒ ก็ฌาน ๒ คือจิตนี้สามารถเข้าออกได้อยู่ทุกขณะ   ฉะนั้นต้องมีความละเอียด คือ สติให้รู้ชัดว่าจิตมีอารมณ์อย่างไร   อยู่ในฌาน ๑ หรือฌาน ๒ ต้องรู้ให้ชัดโดยอาศัยความสังเกตุของเราเอง  ถ้าจิตหยุดคิดได้ชั่วขณะ ก็อยู่ในฌาน ๑ และถ้ามีปิติเกิดขึ้น เช่น  อาการขนลุกขนพอง หรือกายโยกไปมา ก็อยู่ในฌาน ๒แล้ว ถ้ามีการโยกหน้าหลัง   ก็บังคับให้หยุดเสียอย่าปล่อยให้โยกแรงเดี๋ยวหัวจะโขกพื้นหรือหงายหลังไปเสีย ให้เปลี่ยนไปโยกซ้ายขวาแทน   ถ้ารู้ว่ากายสบาย สบายใจหรือรู้สึกเฉยๆ ก็แสดงว่าอยู่ในฌาน ๓ ลักษณะของฌาน ๓ คือจิตมี ๒ อารมณ์ คือสุข   หรือเฉยๆ ไม่มีทุกข์ จิตจะตั้งมั่นได้นานกว่าฌาน ๒ ถ้าท่อง เกศา โลมา ช้าๆ จิตก็จะละเอียดขึ้น ๆ ถ้าเริ่มรู้สึกนิ้วมือชา   หรือเท้าช้า หรือริมฝีปากชา ก็แสดงว่าฌาน ๓ แก่กล้าขึ้น ถ้าอาการชาชัดเจนขึ้นและลามมาถึงกึ่งกลางข้อมือและตัวเกร็งขึ้นมาก็แสดงว่าจิตเข้าถึงฌาน ๔ แล้ว   พอถึงฌาน ๔ สุขก็จะไม่มี มีแต่อุเบกขา เมื่อเราทำฌาน ๔ สมบรูณ์ทุกอย่างแล้ว จากประสบการณ์ที่พบมาจิตมันจะเข้าออกในฌานต่างๆ ได้คล่องทั้งฌาน ๑,๒.๓.๔ พระพุทธองค์สอนว่าธรรมทั้งหลายเราทำให้มีให้เป็นขึ้น   เพราะฉะนั้นที่เรานั่งภาวนา เกศา โลมา ก็เป็นการทำให้มี ให้เป็น พอทำเป็นฌานแล้ว หรือทำให้มีให้เป็นแล้วก็จะเป็นธรรมขึ้นมา เรียกว่า ธรรมในธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...