วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

0078 จิตที่มีอวิชชาเป็นแหล่งของการปรุง

   สำนักงานการปรุงจนเกิดความทุกข์ เกิดปฏิจจสมุปบาทเกิดขันธ์เหล่านี้ มันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ในจิต ในขอบเขตของจิต ในมณฑลของจิต ชนิดที่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชา จิตที่ยังไม่รู้ จิตที่ยังโง่เขลา ยังมีอวิชชา มัน ขอบเขตอย่างไร ที่ไหน เท่าไร ในขอบเขตนั้นแหละจะเป็นสำนักงานแห่งการปรุง แต่ถ้าจิตมีวิชชาเสียแล้ว มันไม่ปรุง มันต้องเป็นเรื่องของจิตที่ยังไม่มีวิชชา หรือเป็นเวลาที่มันไม่อาจจะมีวิชชา

   จิตของคนเรานี้ มีวิชชาก็ได้ ไม่มีวิชชาก็ได้ บางทีศึกษามีความรู้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริง ความรู้ไม่รู้หายไปไหนหมด ความรู้มาไม่ทัน สติไม่พอ จิตชนิดนั้นก็เป็นจิตที่มีอวิชชาอยู่ นั่นแหละ อย่างว่าเคยเรียนพระไตรปิฏก อ่านรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่พอเอาเข้าจริง มันไม่มาเพราะ สติมันไม่พอ มันไม่เอาความรู้เรื่อง อนิจัง ทุกขัง อนัตตา มาช่วยทันเวลา จิตนี้ก็ต้องโง่ ปรุงต่อไปด้วยอวิชชา มันก็มีความทุกข์ได้ ทั้งที่เคยเล่าเรียนพระไตรปิฏกมา จึงพูดว่า ในมณฑลแห่งจิตที่ประกอบไปด้วยอวิชชานี้ คือสำนักงานแห่งการปรุง

   แม้จิตในขั้นต้นที่เรียกว่า จิตประภัสสร จิตเริ่มแรกยังไม่ทันเกิดกิเลส ในจิตประภัสสรนั้น ก็ยังมีโอกาสแห่งอวิชชา เพราะจิตนี้ยังไม่เคยถูกฝึกเลย เปิดโอกาสให้อวิชชาเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ฉะนั้นแม้ในจิตประภัสสร ก็ยังเป็นสำนักงานแห่งการปรุงจึงพูดได้ว่า ในมณฑลแห่งจิตที่ปราศจากวิชชา มีแต่อวิชชา เป็นสำนักงานแห่งการปรุง ถึงแม้ภวังคจิต ที่เรียกว่า จิตล้วนๆ ไม่มีอะไรเลยนี้ ก็ยังเป็นสำนักงานแห่งการปรุง เพราะว่าภวังคจิตก็เปลี่ยนเป็นวิถีจิตเมื่อไรก็ได้ ตามที่อารมณ์มันมากระทบ เมื่อจิตนั้นมันมีแต่อวิชชา มันก็เป็นสำนักงานแห่งการปรุงได้ แม้จิตชนิดประภสสร แม้จิตชนิดภวังคจิต ก็เป็นสำนักงานแห่งการปรุงของใหม่ๆ ออกมาได้ คือเป็นกิเลสและความทุกข์ ฉะนั้นขอให้ถือเสียว่า จิตที่ปราศจากวิชชา เป็นจิตที่มีแต่อวิชชานั้นแหละ เป็นโรงครัวสำหรับปรุงความทุกข์ ปรุงแต่งออกมาแต่ความทุกข์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...