#ผัสสะ เป็นต้นตอแห่งมิจฉาทิฐิ เป็น กอขอ กอกาที่แรกเริ่มต้องเข้าใจ การมีสติในขณะผัสสะ จะเปลี่ยนทิฐิให้เป็นสัมมาทิฐิ พุทธศาสนาต้องลงมือปฏิบัติจึงจะเกิดประโยชน์
#อิทัปปัจจยตา
#พุทธทาสภิกษุ
ในบาลี พรหมชาลสูตร ตรัสไว้ชัดเจนว่า ผัสสะ เป็นต้นตอแห่งทิฐิ ทั้ง ๖๒ ชนิด, ข้อนี้ หมายถึง ผัสสะที่ให้โอกาสแก่การเกิดของอวิชชา, ได้แก่ ผัสสะในปฏิจจสมุปบาทส่วนสมุทยวาร นั่นเอง. ถ้าผู้ใด มีสติในขณะผัสสะเสียแล้ว ก็ย่อมไม่เกิดอวิชชา และจะกลายเป็นนิโรธวารแห่งปฏิจจสมุปบาทไปเสีย; หรือถ้าจะ เกิดทิฏฐิ ก็กลายเป็น สัมมาทิฏฐิ ไป หาใช่มิจฉาทิฏฐิ ๖๒ เหล่านั้นไม่.
การระบุ จํานวนทิฏฐิ ๖๒ ในที่นี้ ย่อมหมายถึงมิจฉาทิฏฐิทุกชนิด ไม่ยกเว้นชนิดใด ๆ, ดังนั้น เป็นอันกล่าวได้ว่า การเข้าถึงปฏิจจสมุปบาทนั้น เป็นการกําจัดมิจฉาทิฏฐิทั้งปวง ให้หมดไป นั่นเอง. ( รายละเอียดเกี่ยวกับทิฏฐิ ๖๒ นี้ หาดูได้ทันที ในหนังสือพุทธประวัติจาก พระโอษฐ์ ซึ่งแพร่หลายที่สุดอยู่แล้ว)
พวกที่สนใจพุทธศาสนาในแง่ของปรัชญา ควรศึกษา เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง, โดยจะทําให้เข้าใจข้อที่พุทธศาสนาแท้ไม่ใช่ปรัชญา, แต่เป็นศาสนา ที่เป็นตัวการปฏิบัติ ซึ่งไม่จําเป็นจะต้องอาศัยปรัชญาเป็นอุปกรณ์เลย ก็ยังได้, เพราะ ต้องการให้ตั้งต้นการศึกษาลงไปที่ สิ่งที่เรียกว่าผัสสะ โดยตรง แล้วเป็นไปตามลําดับ ทํานองของวิทยาศาสตร์ แทนวิถีทางของปรัชญา ซึ่งมีรากฐานอยู่บนการคํานึงคํานวณ อย่างเดียว.
ปฏิจจสมุปบาท ในฐานะอิทัปปัจจยตา เป็นวิทยาศาสตร์โดยแท้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น