วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ฝึกสมาธิเพื่อเกิดปัญญา

วันนี้มาพูดถึงการฝึกสติ-ฝึกทำสมาธิ-เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริง
เห็นผู้ปฏิบัติบางคนพูดโอ้อวดทับถมกันไปมาว่า วันนี้ฉันปฏิบัติได้เท่านี้ชั่วโมง อีกคนก็กล่าวทับถมว่าฉันปฏิบัติได้เท่านั้นชั่วโมง ไปๆมาๆ จึงเกิดการปฏิบัติมาราธอนปั่นแข่งขันชั่วโมงกัน บางคนฝืนทนนั่งนานๆ เพื่อจะได้ไปคุยกับคนอื่นว่าฉันปฏิบัติได้มากสามารถนั่งได้นานกว่า แต่เผลอลืมพิจารณาไปว่าการที่นั่งได้นานก็จริงแต่จิตก็ยังซัดส่าย เผลอคิดแว๊บไปโน่น แว๊บมานี่อยู่ตลอดระยะเวลาที่นั่ง กล่าวคือกายภายนอกน่ะนั่งนิ่งได้นาน แต่จิตภายในยังไม่นิ่ง ยังไม่สงบ แบบนี้ แม้นั่งนานก็ไม่ค่อยเกิดประโยชน์
     อีกประเภทหนึ่งก็คือผู้ที่สามารถรวบรวมสติรวบรวมจิตให้สงบเป็นสมาธิตั้งมั่นอยู่ได้นาน สามารถนั่งนิ่งอยู่ได้นาน โดยที่เวทนาความเจ็บปวดไม่มารบกวนเพราะอำนาจของฌานสมาธิ ทำให้บุคคลเช่นนี้เกิดความยินดีพอใจ หลงติดอยู่ในความสงบคือปีติและความสุขอันเกิดจากการนั่งสมาธินั้น  เผลอสติหลงลืมพิจารณาสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้านั้น การนั่งนานแบบนี้ครูอาจารย์ท่านเรียกว่า สมาธิหัวตอ คือนั่งนิ่งเหมือนกับตอไม้อยู่อย่างนั้น ไม่มีสติ ไม่เกิดปัญญา ไม่เห็นการเกิดดับของรูปนาม ไม่เห็นไตรลักษณ์ ย่อมมีการเกิดอีก เหมือนกับอาจารย์ดาบถทั้งสองท่านที่สอนสมาบัติแปดให้แก่พระสิทธัตถะเมื่อครั้งออกผนวชใหม่ๆ
     การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งนานๆ แต่สิ่งสำคัญคือ การมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะ มีสติรู้เท่าทันสภาวะธรรม ณ ปัจจุบัน มีปัญญารู้แจ้งเห็นการเกิดดับของรูปและนาม เห็นไตรลักษณ์ชัดเจนนั้น การปฏิบัติวิปัสสนาเช่นนี้จึงจะเป็นคุณจริง
     สาธุ ขอเจริญพร ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเพียรฝึกฝนปฏิบัติต่อไป ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ผู้ปฏิบัติทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...