วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ความเป็นตัวตนเกิดจากความคิดเท่านั้นเอง

ความเป็นตัวตนเกิดจากความคิดเท่านั้นเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ดูลงไปนะ เวทนาไม่ใช่เรา ความสุขไม่ใช่เรา ความทุกข์ไม่ใช่เรา โทมนัสเกิดขึ้นในใจไม่ใช่เรา โสมนัสเกิดขึ้นในใจไม่ใช่เรา อุเบกขาเกิดขึ้นในใจไม่ใช่เรา ดูลงไปอีก ความโลภไม่ใช่เรา ใครเห็นความโลภเป็นเรา ไม่มีใครเห็นความโลภเป็นเราเลยแต่ชอบคิดว่าเราโลภ

เราโลภยังดูยากเลย ชอบคิดว่าคนอื่นโลภ ดูง่ายไหม โอ๊ย.. ไอ้นี่โลภมากนี่ รวยสี่หมื่นเก้าพันล้านแล้วยังไม่พอ จะเอาห้าหมื่นล้าน อะไรอย่างนี้นะ ดูคนอื่นโลภดูง่ายนะ ดูเราโลภดูยากขึ้นละ พอเราโลภนะ เราก็บอกว่า นี่ขยันหมั่นเพียร รู้จักหา รู้จักเก็บออม เป็นคุณธรรม พอเราโลภก็เป็นอย่างนี้ ดูคนอื่นโลภง่ายที่สุดนะ ดูเราโลภก็ยากขึ้นมาหน่อย ดูความโลภที่มันไม่ใช่เราเนี่ยนะ อัศจรรย์แล้วคราวนี้ ความโลภไม่ใช่เราหรอก ความโลภเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาในใจ ไม่ใช่เรา จะเห็นเลย ความโลภไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่คน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา

เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่เราดูไปจนถึงตัวสภาวะแท้ๆ รูปธรรมนามธรรมแท้ๆ ดูไปถึงตัวรูปแท้ๆ รูปจะไม่มีเรา ดูไปถึงตัวเวทนาแท้ๆ เช่น ความรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ ความรู้สึกสุขทุกข์จะไม่ใช่เรา ดูไปถึงตัวสังขารแท้ๆ เช่น ความโกรธ ใครเห็นความโกรธเป็นเรา ไม่มีนะ ถ้าเห็นตัวความโกรธแล้วจะรู้ว่าตัวความโกรธไม่ใช่เรา แต่ถ้าไม่มีปัญญาเห็นตัวความโกรธ ความโกรธครอบงำจิต จะรู้สึกว่าเราโกรธ

เราโกรธก็ไม่ค่อยเห็นอีก จะเห็นคนที่ทำให้เราโกรธ รู้สึกไหม ส่วนใหญ่ได้แค่นี้ เห็นไอ้นี่มันขับรถปาดหน้าเรา เห็นไอ้คนที่ขับรถปาดหน้า ไม่เห็นความโกรธในใจของตัวเอง ถ้าสามารถย้อนมาเห็นความโกรธในใจของตัวเองได้นะ จะเห็นอีก ความโกรธไม่ใช่เราหรอก เป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา

เราภาวนานะ แยกธาตุแยกขันธ์ออกไป หรือแยกรูป แยกเวทนา แยกสังขาร แยกจิตเป็นผู้รู้ผู้ดูออกมา เพื่ออะไร? เพื่อจะได้จะได้ถอนความเห็นผิด ว่าขันธ์ทั้งหลายนี้เป็นตัวเรา ขันธ์มันเป็นตัวเราขึ้นมาเพราะสัญญามันหลอก สัญญาที่วิปลาสมันหลอก แล้วก็ความคิดมันเกิดขึ้นมา สัญญามันเข้าไปหลอก มันหลอกว่ามีเรา สัญญามันเพี้ยนอยู่

เพราะฉะนั้นดูลงมา รูปไม่ใช่เรา เวทนาไม่ใช่เรา สังขารไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา ดูไปเรื่อย.. ทีแรกจะเห็นก่อนนะ พอจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู จะเห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ความรู้สึกสุขทุกข์ไม่ใช่เรา กุศล-อกุศลทั้งหลายไม่ใช่เรา แต่ยังรู้สึกว่าจิตเป็นเราอยู่

ปุถุชนจะรู้สึกว่าจิตเป็นเราอยู่ แต่ว่าถ้าฝึกไปมากเข้าๆ จิตหลุดออกจาก “โลกของความคิด” ได้อย่างแท้จริง อยู่ใน “โลกแห่งความรับรู้” ได้จริงๆ ไม่ใช่อยู่ในโลกของความว่างเปล่านะ อยู่ในโลกของความรู้สึก โลกของความรับรู้ จะรู้สึกเลย ถ้าไม่มีความคิดอยู่นะ ถ้าจิตไม่หลงไปอยู่ในโลกของความคิด ความเป็นตัวตนจะไม่เกิดขึ้น ความเป็นตัวตนเกิดจากความคิดเท่านั้นเอง คิดไปตามสัญญาที่เพี้ยนๆของเราเอง ความเคยชินมันไปหมายว่า นี่เราๆ ร่างกายเป็นเรา ไอ้โน่นเรา ไอ้นี่เรา คิดอย่างนี้ หมายรู้ผิดๆอย่างนี้นะ ก็คิดไปตามความเคยชิน ก็คิดไปตามการหมายรู้ว่ามีเราขึ้นมาจริงๆ

ค่อยฝึกนะ เบื้องต้นจะเห็นรูป เห็นร่างกาย เห็นเวทนา เห็นสังขาร ไม่ใช่เรา ฝึกกับหลวงพ่อสักเดือน สองเดือน จะเห็นตรงนี้แล้ว มันไปยากอยู่ตรงที่ยังเห็นว่าจิตยังเป็นเราอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นั่งสมาธิแล้วชา นั่งสมาธิแล้วชา

ถาม  นั่งสมาธิแล้วชา ตอบ  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมดาของกาย ที่นั่งนานๆ ย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวด หรือชาขึ้นมาแล้ว เราหยุดเปลี...